มีบทกลอนรัสเซียบทนึงกล่าวไว้ว่า
ไข่มุกของรัสเซียมีหลายที่ ตาบอลสก์นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ปกคลุมด้วยหิมะขาวแห่งเหมันต์ เป็นเสน่ห์อัศจรรย์ไซบีเรีย(ตะวันตก)
(เอมแปลเอง พยายามให้สละสลวยแล้วแต่เหมือนจะไม่ช่วยเลย 555)
Tobolsk หรือตาบอลสก์ นั้น เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศรัสเซีย
อยู่ในเขตไซบีเรียตะวันตก ในพื้นที่ตอนใต้ของเขตตูเมนค่ะ
มีแม่น้ำ 2 สายสำคัญหลักๆคือ แม่น้ำตาบอล (Тобол) และอีรทืช (Иртыш)
เมืองนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1587
แต่มาได้รับอนุมัติเป็นเมืองเมื่อปี ค.ศ.1590 เป็นเมืองแรกในเขตไซบีเรีย
แต่มาได้รับอนุมัติเป็นเมืองเมื่อปี ค.ศ.1590 เป็นเมืองแรกในเขตไซบีเรีย
เรียกได้ว่าเป็นเมืองเก่าแก่ที่สำคัญเมืองหนึ่งของไซบีเรียกันเลยทีเดียว
ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองตาบอลสก์ค่ะ (ในวงกลมสีแดง) |
ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนเรียนปีเตรียมภาษาค่ะ (ช่วงพฤษภา ปี 2012)
เป็นปกติของนักศึกษาต่างชาติที่มาเรียนที่รัสเซียไม่ว่าจะมาเรียนเอง
หรือเป็นเด็กทุนรัฐบาลไหนๆก็ต้องเรียนเตรียมภาษากันก่อนเสมอ
ในปีนี้เองที่เราจะได้เจอเพื่อนต่างชาติมากมาย
อันนี้ก็แล้วแต่เมืองเลยค่ะ ว่าเมืองไหนคนชาติไหนมากันเยอะ
เมืองเยคาฯบ้านนาของเอมก็มีสัญญากับมหาลัยที่เกาหลีใต้
และก็มีจากจีน ญี่ปุ่น สเปน อเมริกา อิตาลี อิรัก อิหร่าน อียิปต์ ตุรกี ประมาณนี้
ทริปนี้เลยเป็นทริปที่อาจารย์รัสเซียจัดขึ้นเพื่อให้เด็กต่างชาติ
ได้ไปเที่ยวกันนั้นเอง
ทำไมถึงมาเป็นเมืองนี้ได้ ก็เพราะ
1.ไม่ไกลจากเยคาฯค่ะ ดูจากแผนที่จะเห็นเมือง Yekaterinburg ห่างออกไป
1.ไม่ไกลจากเยคาฯค่ะ ดูจากแผนที่จะเห็นเมือง Yekaterinburg ห่างออกไป
นิดเดียว นั่งรถไฟกัน 8-10 ชั่วโมงก็ถึง (ก็คือนอนคืนนึงพอดี)
2.มีส่วนที่เรียกว่า "พระราชวังเครมลิน" ซึ่งมีไม่กี่เมืองในประเทศรัสเซียที่จะมีกัน
3.และด้วยในเครมลินนี้เอง จะมีโบสถ์สำคัญ และเป็นเป้าหมายหลักของอาจารย์จัดทริป
(เอมเรียกอาจารย์จัดทริปว่าเจ๊โบสถ์ เนื่องจากแกเคร่งศาสนาและชอบพาเที่ยวโบสถ์)
เหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้เอมคิดเอาเองล้วนๆนะ 5555
แต่ก็ตัดสินใจไป เพราะตั้งใจจะเที่ยวให้ทั่วรัสเซียเท่าที่ทำได้
ทริปนี้เอมไปกับเพื่อนๆหลายคลาสเลย รวมถึงคุคุ รูมเมทคนสวยด้วย
พร้อมกับอาจารย์อีก 2 ท่าน (หนึ่งในนั้นคือเจ๊โบสถ์นั่นเอง)
พร้อมกับอาจารย์อีก 2 ท่าน (หนึ่งในนั้นคือเจ๊โบสถ์นั่นเอง)
โดยนั่งรถไฟออกจากเยคาฯบ้านนาตอนเย็น เพื่อจะไปถึงเมืองตาบอลสก์ตอนเช้า
เรานั่งกันไปจนถึงเมืองตาบอลสก์ค่ะ ขึ้นรถตู้โดยสารไม่ประจำทางไปจนถึงที่พัก
ที่พักเราเป็นโรงแรมเล็กๆชื่อว่ากอสตีนนึย โดม (Гостиный дом) Гостиный дом
ด้านหน้าที่พักมีป้ายบอกระยะทางไว้ด้วย
เอมพักกับคุคุและเพื่อนคนจีนอีกสองคน สภาพห้องก็โอเคเลย อบอุ่น ไม่หนาวเกินไป
ภายในรถไฟ โบกี้ชั้น 3 คันใหม่ |
อาจารย์ 2 ท่าน ดร.ทั้งคู่ ด้านขวาเสื้อขาวคือเจ๊โบสถ์ ส่วนด้านหลังคือกำลังเล่น ABCD กันอยู่ |
ที่พักเราเป็นโรงแรมเล็กๆชื่อว่ากอสตีนนึย โดม (Гостиный дом) Гостиный дом
ด้านหน้าที่พักมีป้ายบอกระยะทางไว้ด้วย
ห่างจากมอสโก 2908 กิโลเมตร วลาดิวอสตอก 6400 กิโลเมตร |
เสร็จจากวางของแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยวแล้วค่ะ
เมืองนี้อย่างที่บอกสถานที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเครมลินนั่นเอง
แผนผังที่เที่ยวพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ |
ลงจากรถมาก็จะเจอป้ายแผนผังค่ะ บริเวณนี้จะเรียกว่าจัตุรัสแดงเช่นกัน
และมีทางเดินยาวไปถึงส่วนที่เรียกว่าเครมลิน
เนื่องจากช่วงที่เอมไปคือต้นเดือนพฤษภาคมค่ะ คือวันที่ 1-4 พฤษภาเลย
ในรัสเซียนับเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ว่าที่นั่นอากาศยังเย็นเนื่องจากหิมะเพิ่งละลายไป
และเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจีงมีฝนตกตลอดเลยจะเห็นน้ำเฉอะแฉะในรูปเต็มไปหมด
เดินเข้ามาเรื่อยๆก็จะเห็นกำแพงเครมลินค่ะ
เครมลินของที่นี่พิเศษตรงที่ เป็นเครมลินที่สร้างจากหินที่เดียวในไซบีเรีย ค่ะ
เดินลงตามทางลาดไปเรื่อยๆก็จะพบว่าสามารถเดินรอบกำแพงเครมลินได้ค่ะ
และมีทางเดินยาวไปถึงส่วนที่เรียกว่าเครมลิน
เนื่องจากช่วงที่เอมไปคือต้นเดือนพฤษภาคมค่ะ คือวันที่ 1-4 พฤษภาเลย
ในรัสเซียนับเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ว่าที่นั่นอากาศยังเย็นเนื่องจากหิมะเพิ่งละลายไป
และเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจีงมีฝนตกตลอดเลยจะเห็นน้ำเฉอะแฉะในรูปเต็มไปหมด
เดินเข้ามาเรื่อยๆก็จะเห็นกำแพงเครมลินค่ะ
เครมลินของที่นี่พิเศษตรงที่ เป็นเครมลินที่สร้างจากหินที่เดียวในไซบีเรีย ค่ะ
ส่วนนี้เรียกว่า Гостиный двор หรือแปลได้ว่าเป็นแหล่งการค้า ในอดีตเคยเป็นศูนย์การค้า ตลาดซื้อขายของยูเรเชีย |
วิหารเซนต์โซเฟีย หรือ St.Sophia-Assumption Cathedral (Софийско-Успенский кафедральный собор) |
ว่ากันว่าหินก้อนแรกที่วางสร้างวิหารสีสวยอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนี้
เริ่มเมื่อปี ค.ศ.1681 แต่การก่อสร้างจริงๆเริ่มขึ้นเมื่อปี 1683
ตัวอย่างการก่อสร้างก็เลียนแบบมาจากคอนแวนท์หญิงในกรุงมอสโก
การก่อสร้างดำเนินไปตั้งแต่ปี 1683 - 1686
วิหารนี้ถูกปิดลงเมื่อปี 1920 ในสมัยสหภาพโซเวียต
จนกระทั่งปี 1989 จึงได้รับอนุมัติจากรัฐบาลโซเวียต
ในการส่งคืนวิหารกลับสู่ศาสนาคริสต์ออร์ธอด็อกซ์ของรัสเซีย
จึงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ภายในเกิดขึ้นค่ะ
บรรยากาศภายในโบสถ์วันอาทิตย์ |
เวลาเข้าไปในวิหารหรือโบสถ์คริสต์นิกายรัสเชี่ยนออร์ธอด็อกซ์นั้น
ผู้หญิงจะต้องใส่กระโปรงยาวคลุมเข่าค่ะ และมีผ้าคลุมศีรษะด้วย
เวลาจะดูว่าโบสถ์หรือวิหารนี้สร้างอุทิศให้นักบุญคนไหนก็ง่ายมากค่ะ
ให้สังเกตที่มุมขวามือของเราเวลามองไอคอนโนตาซิส
ชั้นล่างสุดเป็นนักบุญคนไหน ก็จะเป็นชื่อวิหารหรือโบสถ์นั้นนั่นเองค่ะ
เสร็จจากด้านในแล้วเดินออกจากวิหารกันมาจะเจอสภาพแบบนี้ค่ะ
หันไปทางซ้ายก็จะเจอกับหอระฆังตั้งตระหง่านอยู่อย่างสวยงาม
หอระฆัง |
ซึ่งก็จะเห็นวิวทิวทัศน์รอบเมืองเลย เพราะเครมลินตั้งอยู่สูงกว่าแบบในภาพ
ภาพนี้ถ่ายโดยอดีต ปธน.เมดเวเดฟค่ะ ขอยืมใช้หน่อยนะคะท่านพี่หมี :) |
ทางเดินรอบนอกกำแพง |
ทางเดินรอบนอกกำแพง |
วิวที่มองเห็นจากทางเดินค่ะ |
วิวที่มองเห็นค่ะ นี่เป็นโบสถ์คริสต์คาทอลิกค่ะ |
ออกจากดูวิวรอบกำแพงแล้ว เราก็จะเดินลงไปข้างล่างกันค่ะ
โดยผ่านบันไดไม้หน้าตาแบบนี้ บางที่ก็บอกเรียกว่าบันไดโซเฟีย
แต่เอมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
อาคารด้านบนที่เห็นเป็นเหมือนกรมคลังของผู้ว่าการรัฐในสมัยก่อนค่ะ
แต่เอมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
อาคารด้านบนที่เห็นเป็นเหมือนกรมคลังของผู้ว่าการรัฐในสมัยก่อนค่ะ
ลงมาข้างล่างแล้วถ่ายขึ้นไปจะเห็นแบบนี้ค่ะ |
เมื่อเดินออกมานอกถนนก็จะเจอกับอาคารบ้านเรือนที่ทันสมัย
ผิดหูผิดตากับความเป็นโซเวียตมากๆเลย
เราเดินต่อไปยังโบสถ์คริสต์คาทอลิกที่เรามองเห็นจากด้านบนกัน
โบสถ์นี้ชื่อว่า Church of the Holy Trinity (Храм Пресвятой Троицы)
เป็นโบสถ์คริสต์โปแลนด์ค่ะ สร้างขึ้นเมื่อปี 1900 และเสร็จสิ้นในปี 1909 ค่ะ
เสร็จจากโบสถ์แล้วก็เดินกลับขึ้นไปกันค่ะ เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง
สำหรับคนรัสเซียเวลาพักทานอาหารกลางวันคือบ่าย 2 ค่ะ
ไม่ใช่เที่ยงตรงแบบบ้านเรา เรียกว่าเดินกันจนหิวโซเลยล่ะ
เราเดินกลับขึ้นมาทางเดิมค่ะ
หันไปด้านขวา ก็ได้เห็นกับรุ้งเหนือวิหารเลยค่ะ ส๊วยสวยยยย
รุ้งกินน้ำ |
ทางเดินออกจากเครมลิน |
เดินกลับกันไปที่จัตุรัสแดงค่ะ เราจะเห็นร้านอาหารอยู่ฝั่งซ้ายมือลิบๆค่ะ
เป็นร้านอาหารรัสเซียพื้นเมืองที่ดูโอ่อ่ามากๆ
และยังเป็นบ้านไม้สวยงามเลยทีเดียว
ชือว่าร้านลาเดนึย (Ладейный ресторан) ค่ะ
ด้านหน้าร้านอาหาร |
จัดโต๊ะแบบรัสเซียแท้ๆต้องมีผ้าปูโต๊ะแบบนี้ |
ซุปบอร์ชของรัสเซียค่ะ เป็นซุปสีแดงจากบีทรูท
เป็นอาหารประจำชาติก็ว่าได้ แล้วต่อด้วยเกี๊ยวรัสเซียค่ะ
ชื่อว่าเปลเมนี (Пельмени) จะเลือกไส้เนื้ออะไรก็แล้วแต่เลย
มีทั้งไก่ วัว แกะ ม้า กระต่าย ปลา กุ้ง หมู ฯลฯ
(มัวแต่หิวโซ เลยไม่ทันได้ถ่ายรูปซุปค่ะ - -")
หน้าตาเกี๊ยวรัสเซียค่ะ กินกับครีมเปรี้ยวหรือ sour cream นั่นเอง |
หลังจากกินเสร็จแล้วเราก็ออกมาเจอกับฟ้าใสๆแล้ว
จริงๆก็ยังไม่พ้นจากบริเวณเครมลินสักเท่าไร
ด้านหน้าทางเดินเข้าไปเครมลินจะมีน้ำพุอยู่ค่ะ เป็นทางเดินผ่านไปยังพิพิธภัณฑ์ที่เราจะไปกัน
เดินข้ามถนนมาก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Художественный музей)
แต่ๆๆๆวันหยุดยาวค่ะ พิพิธภัณฑ์ปิดอีกแล้ว т^т
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ (จริงๆมีรูปปั้นรถม้าอยู่ แต่ถ่ายเก็บมาไม่หมด แหะๆ) |
เราจึงเดินไปร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวในเมืองกัน
เพราะตอนเย็นจะมีปาร์ตี้เล็กๆน้อยๆ
วันแรกของทริปก็เลยจบลงแบบเรียบๆเบาๆ
------------------------------------------------------
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าของวันที่ 2 ของทริปค่ะ :)
วิวจากหน้าต่างที่ห้อง |
วันนี้เราลงมากินข้าวเช้ากันที่โรงแรมค่ะ
แล้วก็กระโดดขึ้นรถตู้โดยสารไม่ประจำทางของเราไปนอกเมืองกัน
ที่ๆเราจะไปกันนั้นเรียกว่า อะบาลัค (Абалак)
เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มี monastery ของนักบวชชาย
และสถานที่ท่องเที่ยวเล็กๆสำหรับนักท่องเที่ยว
Monastery ที่ว่าค่ะ (Свято-Знаменский Абалакский мужской монастырь) |
หมู่บ้านอะบาลัคแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่มากๆๆ เก่าขนาดที่ว่ามีการสร้างขึ้นมา
ตั้งแต่ยังไม่มีชาวรัสเซียในพื้นที่ แต่เป็นชาวตาตาร์ต่างหาก
นั่นหมายความว่าก่อนศตวรรษที่ 15 เสียอีก
ชื่อ"อะบาลัค"นี้ก็ได้มาจากชื่อของเจ้าชายตาตาร์ท่านนึงในภาษาตาตาร์นั่นเอง
เขตท่องเที่ยวอะบาลัค |
หน้าทางเข้าค่ะ |
ส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านรัสเซียค่ะ
มีหลายเรื่องเลยล่ะ
อันนี้เป็นเรื่อง Добрыня Никитич и Змей Горыныч |
อันนี้คือสุนัขจิ้งจอก สัญลักษณ์แห่งความเจ้าเล่ห์ เอมชอบนิทานพื้นบ้านเรื่อง колобок มากกกก สนใจลองดูใน колобок ได้ค่ะ |
อันนี้ตารางหมากรุกยักษ์ ก็ไม่รู้เรื่องไหนนะ 5555 |
เสร็จจากเที่ยวหมู่บ้านอะบาลัคแล้วก็นั่งรถกลับเข้าเมืองกันค่ะ
ได้เวลากินข้าว ซึ่งวันนี้ก็ยังคงเป็นร้านเดิม (เพราะเมืองเล็กๆไม่มีร้านอะไรเท่าไร)
แต่เมนูเปลี่ยนนะคะวันนี้ อิอิ
สเต็กหมูโปะด้วยสัปปะรด มะเขือเทศ หอมใหญ่ และ cottage cheese ค่ะ อบพอประมาณและโรยด้วยพลาสลีย์และผักชีลาวสับ |
อันนี้ของหวาน เป็นเกี๊ยวเหมือนกันแต่ไส้หวาน พวกแยมเบอร์รี่ต่างๆ เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ เรียกว่าวาเรนนิกี้ (Вареники) แล้วราดด้วยครีมเปรี้ยว |
กินเสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางไปยังศูนย์งานปั้น (ไม่รู้จะเรียกเป็นภาษาไทยยังไงดี)
นั่งรถเมล์กันไป ราคาค่ารถ (ตลอดสาย) ก็ถูกมากๆค่ะ 10 รูเบิ้ล (เทียบเท่า 10 บาท) เท่านั้น
พอเราไปถึง คุณป้าก็สาธิตวิธีการปั้นดินให้เป็นรูปร่าง อารมณ์เหมือนปั้นดินเหนียวนั้นแล
ผลงานดีจนไม่กล้าจะเอารูปลงเลยทีเดียว 55555
แต่ว่าเราทุกคนก็ได้ลองปั้นกับเครื่องตามคุณป้าผู้สอนเลย
มือเลอะกันไปตามๆกัน สนุกดีเหมือนกันนะ
แถมงานนี้ยังได้เครื่องปั้นของตัวเองกลับมาติดไม้ติดมือคนละชิ้นด้วย
เสร็จแล้วเราก็ได้ไปเดินเล่นรอบๆเมืองกันค่ะ
ที่นี่ก็มีรูปปั้นอนุสาวรีย์บุคคลสำคัญเช่นกัน
อย่างคุณปีเตอร์ (Пётр Павлович Ершов) คนนี้
เป็นนักเขียนชื่อดังในสมัยจักรวรรดิรัสเซียที่เกิดใกล้ๆเมืองนี้
และมาเสียชีวิตที่เมืองนี้เมื่อปี ค.ศ.1869
นิทานที่โด่งดังที่สุดของเขาก็คือนิทานกลอนเรื่อง The Little Humpbacked Horse
(Конёк-горбунок) หรือ The Magic Horse ค่ะ
หลังจากเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยแล้วเราก็กลับเข้าที่พัก
วันสุดท้ายเราก็ออกเดินทางกลับเมืองเยคาฯบ้านนาของเรา
โดยรถไฟเช่นเดิม สะดวกสบายดีนักแล
สถานีรถไฟที่เมืองตาบอลสก์ |
ถึงสถานีรถไฟที่เมืองก็นั่งรถทรอลเลกลับหอเหมือนเดิม
จบทริปเล็กๆอย่างบริบูรณ์
กลับมาคราวนี้ รู้สึกบ้านนาของเอมไม่ธรรมดาอีกต่อไป
ศิวิไลซ์กว่าเยอะเลย :)