วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

คาซาน (Казань) เมืองแขกในรัสเซีย (ตอนจบ)

วันที่ 2 ของการมาเที่ยวคาซาน
ตื่นเช้ามาเราก็เดินมายังบริเวณถนนคนเดินอีกครั้งเพื่อหาอะไรกินค่ะ
ของกินบริเวณนี้เรียกได้ว่ามีเยอะหลายชาติอย่างที่บอก
เช้านี้พวกเราก็เลยแวะกินอาหารหน้าตาคล้ายเคบับ
ซึ่งในภาษารัสเซียเรียกว่า ชาอูรม่า (Шаурма) หรือชาวารม่า (Шаварма) 
หรือชาเวียรมา (Шаверма) ต่างกันอย่างไรนั้นขึ้นกับท้องถิ่นแต่ละแห่ง
เช่น ช่วงแถบยาโรสลาฟหรือไปทางทเวียร์ จะเรียกว่าชาวารม่า (Шаварма)  
ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเรียกกันว่า ชาเวียรมา (Шаверма)
ส่วนที่มอสโก และคาซาน (รวมถึงเยคาฯบ้านนาของฉัน) เรียกว่า ชาอูรม่า (Шаурма) 


เจ้าเคบับรัสเซียนี่จะทำจากแผ่นแป้งลาวาชแล้วห่อด้วยเนื้อไก่หรือเนื้อวัว
บางที่ก็มีเนื้อแกะหรือเนื้อหมู แต่ที่เจอบ่อยสุดคือไก่ค่ะ
ใส่กะหล่ำปลี มะเขือเทศ แตงกวาดอง หัวหอม และก็ผักชี
จะมีซอสสูตรเฉพาะของเค้า และก็ใส่มายองเนสค่ะ 
ขนาดประมาณ 20 cm ได้ ถือเดินกินสะดวกเลย
แอบเม้านิดนึงว่าสมัยปี 2005 ที่มาแลกเปลี่ยนนั้น เจ้าชาอูรม่าของเราราคา 60 รูเบิ้ลเอง
10 ปีผ่านไปตอนนี้ก็ปาเข้าไป 150-200 รูเบิ้ลกันแล้ว 
ใครอยากชิมล่ะก็ ถ้าไปรัสเซียหาร้านไม่ยากเลยค่ะ เป็นพวก kiosk เต็มไปหมด
(ซึ่งส่วนใหญ่อร่อยนะคะ ถ้าจะกินในร้านต้องร้านอาหารอุซเบก คาซัคฯอะไรแบบนั้น)
เจ้าเคบับนี้ คนรัสเซียกินกันเยอะจนแมคโดนัลด์ก็มีเอาขายด้วยนะคะ
แต่จะเป็นแบบประยุกต์ไปแล้ว พวก beef roll, fish roll แบบนั้น

หลังจากกินกันเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินทางไปยังสถานที่สำคัญของเมือง
นั่นก็คือ... เครมลิน นั่นเองงงงง
ประวัติเครมลินแอบเกริ่นไว้ในตอนที่แล้วแล้วเนอะ
รอบนี้ก็เลยไม่ขอพูดอะไรมากค่ะ
เราเดินเข้าผ่านทางหอ The Saviour Tower มาก็จะเจอทางเดินตรงเข้าไปค่ะ
ทีนี้ไฮไลท์ของเราอยู่ที่มัสยิด Kul-Sharif Mosque
ซึ่งพอเข้าไปแล้วเดินไปสักพักจะอยู่ด้านซ้ายมือ


โมเดลแผนผังของเครมลินที่นี่ค่ะ สวยและเก๋มาก อยู่ด้านในอาคารไหนสักแห่งลืมชื่อ

มาดูผังคร่าวๆของที่นี่กันค่ะ รูปนำมาจาก official page ของ Kazan Kremlin เลยค่ะ
(เราใช้โปรแกรมแต่งรูปใดๆไม่เป็นค่ะ เลยทำผ่าน paint เบสิคมากกก
และชอบตัวอักษรไม่จริงจังด้วย เลยออกมาแบบที่เห็นเนี่ยค่ะ)


ทีนี้เมื่อเราเดินกันเข้ามาก็จะมาถึงมัสยิด Kul-Sharif หรือ Qolşärif ค่ะ
เดิมทีมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปีคริสตศตวรรษที่ 16 ค่ะ 
ตามชื่อของอิหม่าม Qolşärif ของจักรวรรดิข่านคาซาน
และยังเป็นหนึ่งในผู้นำการสู้รบกับพระเจ้าอีวานที่ 4 (Ivan the terrible) 
และเสียชีวิตในการสู้รบในครั้งนั้นค่ะ 
มัสยิดแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียเลยค่ะ

ด้านหน้ามัสยิด 

เนื่องจากช่วงที่เราไปนั้นด้านในมัสยิดปิดซ่อมแซมค่ะ
พวกเราจึงอดเข้าไปชมกัน แต่พอจะรู้ว่าภายในสวยงามมากๆ
เลยเอารูปมาให้ลองดูกันค่ะ credit ตามภาพนะคะ

ภาพจาก birkaadv.wordpress.com
บนเพดาน cr: static.panoramio.com
หลังจากนั้นเพื่อนเราก็มีการถ่ายทำคลิปทักทายเพื่อนๆ social ไม่ cam กันเล็กน้อยแต่พองาม
แล้วก็เดินต่อไปยัง Suyumbike Tower หรือ Söyembikä Tower นั่นแหละค่ะ
ชื่อ Söyembikä ก็มาจากชื่อพระมเหสีของข่านคาซานคนสุดท้ายนั่นเอง
ใต้ตึกนี้จะมีประตูเมทาลิกประกบกันเป็นรูปพระอาทิตย์กับพระจันทร์อย่างละครึ่งค่ะ


แล้วเราก็เดินต่อออกไปยังริมกำแพงค่ะ เพื่อจะเดินออกไปอีกทางของฝั่งเครมลิน
และนี่คือภาพที่เก็บได้จากริมกำแพง .... หน้าหนาวรัสเซียก็เป็นเช่นนี้แลค่ะ
ฝั่งซ้ายมือคือแม่น้ำโวลก้า ซึ่งในช่วงหน้าร้อนสามารถล่องเรือแบบ cruise 
ไปเที่ยวเมืองต่างๆตามสายแม่น้ำได้ด้วยนะ เก๋กู้ด


เราเดินกันมายังฝั่งตรงข้ามกับเครมลินค่ะ ตรงบริเวณนี้จะมีสนามฟุตบอลขนาดใหญ่
เรียกว่า Central Stadium หรือถ้าใครนึกไม่ออก
พอจะดูบอลกันอยู่บ้างก็นี่เลย ทีมฟุตบอล Rubin Kazan 
(คิดว่าแฟนบอลไม่น่าจะไม่มีใครไม่รู้จักนะ เรายังรู้เลย 55555)
สนามนี้ใช้เป็นสนามบ้านของทีมนี้นั่นเองค่ะ
หลายคนก็สงสัยแกจิไปทำไมวะ สนามบอล
พอดีหนุ่มในทีมอยากไปซื้อของที่ระลึกค่ะ และเราก็โอเคเพราะเราก็ตื่นเต้นอะเนอะ 555
รูปสวยๆไม่มีหรอกค่ะ สภาพตอนนั้นหิมะเละมากกกก
เลยขออนุญาตนำรูปกู้ยืมมาให้ชม

หลักฐานว่าหิมะมันเละมาก ขออำพรางเบ้าหน้าผู้ร่วมทริปนิดนึง

เห็นมัสยิดไกลๆไหมคะ
รูปมุมสูงค่ะ ด้านหลังสนามที่ใหญ่ๆนั่นคือโรงละครสัตว์ ส่วนด้านบนก็เป็นแม่น้ำโวลก้าค่ะ
เสร็จจากสนามฟุตบอลของเราแล้ว ก็ได้เวลากินค่าาา
มื้อนี้เราไปนั่งร้านอาหารกัน ชื่อว่าร้านสตารึย อัมบาร์ (Старый Амбар) Old Ambar
อาหารก็มีทั้งรัสเซีย ตาตาร์ พิซซ่า สลัด สเต็กฯลฯ ให้เลือกกินกันเลย
และแน่นอนคะ มีเครื่องดื่มแอลกันเล็กๆน้อยๆ นี่ก็ยืมเพื่อนมาถ่ายคู่สร้างภาพนิดนึง
สร้างภาพไป 2 แก้ว ก็หายหนาวเลยค่ะ 55555


หลังจากรับประทานกันเสร็จ อย่างที่บอกนะคะว่ทริปนี้เน้นชิวมากถึงมากที่สุด
ก็เลยเดินเล่นกันต่อค่ะ คราวนี้ไปถึงบริเวณมหาวิทยาลัยคาซาน
และห้องสมุดด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นจำไม่ได้จริงๆค่ะว่าอยู่ห่างกันมากแค่ไหน
เพราะว่ามีเพื่อนนำทางให้ และ ณ ตอนนี้ที่เขียนอยู่ก็ 2 ปีผ่านไปแล้ว

ห้องสมุด
และหลังจากเดินเล่นกันจนเริ่มเย็น ก็ได้เวลาปาร์ตี้อาหารไทยกันเล็กน้อยค่ะ
เลยได้ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อของกัน เพื่อจะนำกลับมาทำอาหารมื้อเย็นกินกันที่ห้องเพื่อนค่ะ
พอดีว่าเพื่อนของเราพักอยู่กับพี่ๆคนไทยที่ไปทำงาน ก็เลยมีพื้นที่ครัวให้ไปทำกินได้
มื้อเย็นวันนั้นจัดว่าเด็ดมากๆค่ะ ทั้งส้มตำ ลาบหมู ข้าวเหนียว ฯลฯ
ลาภปากคนไม่มีเครื่องปรุงแบบเราๆนัก
จากนั้นก็สั่งแท็กซี่กลับมาที่โฮสเทล
ค่าแท็กซี่ก็ตกประมาณ 200 รูเบิ้ลได้ ถือว่าปกติมากค่ะ

เช้าวันสุดท้ายที่คาซาน เราไม่รีบเลยค่ะ slow life ของจริง
กว่าจะตื่น กว่าจะจัดของ แล้วก็ check out ออกมา
ไปสถานีรถไฟกันค่ะ รถไฟของเรารอบเย็นๆค่ำๆ และจะไปถึงเยคาฯตอนเช้า
แต่ก่อนขึ้นรถไฟเราต้องหาอะไรรองท้องกันก่อน
และแน่นอนแถวนั้นมีร้านอาหารแบบรัสเซียที่เรียกว่า Столовая ด้วยค่ะ
เป็นแบบโรงอาหาร คือเลือกสั่งเอาเลยว่าอยากกินอะไร
อารมณ์คล้ายข้าวราดแกงบ้านเรา แถมอร่อยและราคาไม่แพงด้วย


จริงๆแล้วคาซานมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะแยะนะคะ แต่พอดีเราไม่ได้ไปเที่ยวเลย
ถ้าใครมีโอกาสก็ลองมาเที่ยวชมเมืองนี้ดูนะคะ
ยิ่งตอนนี้ผ่านการจัดกีฬามหาวิทยาลัยโลกไปแล้ว ก็ยิ่งเจริญกว่าเดิม
แถมยังเป็นหนึ่งในสนามที่จัดกีฬาฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพด้วย
ค่าครองชีพก็ถือว่าถูกกว่าในมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วย
(และถ้าจำไม่ผิด ถูกกว่าเยคาฯเสียด้วย)
รวมราคาทั้งทริปนี้ของเรา ก็อยู่ที่ประมาณ 5 พันรูเบิ้ลค่ะ
ถือว่าโอเคเลย เพราะรวมค่าตั๋วรถไฟและค่าที่พักเรียบร้อยแล้ว

หลังจากจบทริปนี้ก็มาตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจเรียนเทอม 2
ของชีวิตเด็ก ป.โทต่อไปค่ะ т^т
ฮือ โลกความจริงโหดร้ายเสมอออ

-----------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

คาซาน (Казань) เมืองแขกในรัสเซีย (ตอนแรก)

หลังจากไม่ได้เขียนบลอกมานาน จนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยมีอยู่
วันนี้หลังจากรู้สึกว่าง บวกกับคิดถึงรัสเซียแบบแปลกๆ
ก็เลยคิดว่าควรจะแบ่งปันความรู้ที่พอมีอยู่น้อยนิด ให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้อ่านกันบ้าง 
มาเริ่มกันเลยก็แล้วกันนะคะ 
-----------------------------------------------------

เมืองคาซาน (Казань) เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐตาตาร์สถานแห่งประเทศรัสเซียค่ะ มีประชากรประมาณ 1 ล้านกว่าคน และนับเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอับดับ 8 ของประเทศรัสเซียค่ะ คำว่า "คาซาน" นั้นยังไม่มีใครรู้ความหมายที่แน่ชัด แต่ตำนานที่โด่งดังมากๆคือมาจากคำว่า "qazan" ในภาษาบูลการ์ หรือภาษาตาตาร์ แปลว่า หม้อ นั่นเอง 


ภาพพาโนรามาของเมืองคาซาน บริเวณเครมลินค่ะ
cr: http://fratria.ru/ontour/russia/kazan

ว่ากันว่าเมืองคาซานนี้สร้างขึ้นมาได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ปีแล้วค่ะ 
โดยอ้างอิงข้อมูลจากส่วนของเครมลินที่คาซานนั่นเอง
 คำว่า "เครมลิน" นั้นคนไทยส่วนใหญ่จะรู้จักในนามของพระราชวัง 
แต่จริงๆแล้วแปลว่า ป้อมปราการค่ะ 
ซึ่งภายในป้อมปราการนั้นก็จะมีทั้งพระราชวัง ที่ทำการของรัฐบาล วิหารต่างๆ 
แต่ก็มีหลายความเห็นที่ว่าคาซานตั้งมาเมื่อปี 1300 กว่าๆเท่านั้น จะยังไงก็ตามแต่ 
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 (ช่วงปี 1438 - 1552) นั้นคาซานถูกปกครองแบบจักรวรรดิข่าน
 จนกระทั่งปี 1552 ภายใต้การนำของพระเจ้าอีวานที่ 4 คาซานก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย 
 มีการเผาเมืองเพื่อทำลายวัฒนธรรมแบบข่านทิ้งไป  
และในปี 1556-1562  ก็ได้เริ่มการก่อสร้างพระราชวังเครมลินสีขาวขึ้นมาใหม่ 
โดยใช้ช่างชาวปสคอฟชื่อนายโปสทนิค ยาคอฟเลฟ และ นายอีวาน ชีเรียเยฟ ซึ่งเป็นผู้คุมการก่อสร้างโบสถ์หยดเลือดที่จัตุรัสแดงเข้ามาดูแลการรีโนเวทเครมลินและกำแพงทีนี่แทนค่ะ 

ภาพคาซานสมัยช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ค่ะ
cr: http://komanda-k.ru/

เดิมทีตัวเครมลินสร้างด้วยไม้ แต่แบบใหม่นี้สร้างออกมาให้มี 13 หอคอย 
ว่ากันว่าสร้างใหม่อย่างไรก็ไม่สวยเท่าสมัยข่าน 
แถมยังมีรับสั่งให้มีการสร้างโบสถ์คริสต์ออร์ธอด็อกซ์ 
รวมทั้งวิหารตามมาอีกมากมายด้วย 
จนกระทั่งล่วงเลยผ่านยุคสมัยสหภาพโซเวียตไปแล้ว 
ณ ตอนนี้ หอคอยทั้งหมดเหลือเพียงแค่ 8 หอ มีเพียงแค่ 2 หอที่นับเป็นทางเข้าหลักของเครมลิน 
นั่นก็คือ หอเตือนภัย The Alarm Tower (Тайницкая башня) 
และหอนาฬิกาหรือที่เรียกว่า The Saviour Tower (Спасская башня) 
ซึ่งหออันหลังนี่ยังเป็นหอคอยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นอนุสรณ์สำคัญของสถาปัตยกรรมยุคกลางในรัสเซียด้วยค่ะ

หอนาฬิกาหรือที่เรียกว่า The Saviour Tower (Спасская башня)
หอเตือนภัย The Alarm Tower (Тайницкая башня)
cr: http://rus-luck.livejournal.com/6514.html

หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต คาซานก็กลับกลายมาเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ 
เป็นเมืองแขกเพราะวัฒนธรรมตาตาร์ได้กลับคืนมา 
จึงทำให้คาซานเป็นเมืองที่น่าสนใจเมืองหนึ่งของรัสเซียเลยค่ะ


ทีนี้กลับมาเรื่องของเราค่ะ เรื่องของเรื่องก็คือทริปนี้ไม่ได้เตรียมตัว 
จริงๆเปิดเทอมแล้วด้วยตอนนั้น หลังจากกลับจากทรานส์ไซบีเรียทริปได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์
ก็น่าจะ 18-20 ก.พ. 2013 ค่ะ ไปกัน 3 วัน (ทำไมจำแม่น รูปในไอโฟนมันขึ้นวันที่ค่ะ)
พอดีเมทจะพาหนุ่มไป  เรากับเจ๊ก็เลยมาด้วย 
 เพราะคาซานกับเราเป็นเมืองที่คลาดกันตั้งแต่สมัย AFS 
เอาง่ายๆคือไม่ได้มาซะที  รอบนี้เลยมาด้วย 
ซื้อตั๋วรถไฟมาจากเมืองเราค่ะ เยคาเตรินเบิร์ก > คาซาน 
ใช้เวลาเดินทางน่าจะราวๆ 12 ชั่วโมง คือนอน 1 คืนพอดี 
ราคาไม่ถึง 1,000 รูเบิ้ล (ถ้าเป็นตอนนี้ก็ 6-7 ร้อยบาท)
เราไปถึงประมาณเที่ยงๆได้ค่ะ มาถึงสถานีรถไฟก็หน้าตาแบบนี้ล่ะค่ะ

Kazan ตั้งอยู่ระหว่างมอสโกมาเยคาเตรินเบิร์กค่ะ
ถ้าใครนั่งรถไฟจากมอสโกมาก็จะใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง หรือ 1 คืนพอดีค่ะ
สถานีรถไฟ Kazan 1
จำแหล่งที่มาไม่ได้
เอาจริงๆก็คือตอนนั้นกำลังก่อสร้างสถานีรถไฟ Kazan 2 ติดกันเลยค่ะ ใหม่เอี่ยมมากๆ เพราะว่าไว้ต้อนรับกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน ครั้งที่ 28 เมื่อปี 2013 ไปไหนก็จะมีป้ายภาษารัสเซีย อังกฤษ และตาตาร์อยู่เสมอ ไฮโซวววว อะตอนนี้เสร็จแล้ว ขอแนบรูปมาให้ชม

สถานีนี้ติดกับสถานีเดิมเลยค่ะ มีทางเดินเชื่อมกันเก๋ๆ


(สำหรับใครที่สงสัยทำไมรอบนี้ บลอกแกมันมีแต่รูปติดเครดิตวะ แล้วรูปแกล่ะ 
ตอบเลยค่ะว่าไม่มี 5555 ล้อเล่นๆ ก็มีบ้าง แต่น้อยมาก 
พอดีว่ามีเพื่อนเรียนอยู่ที่นั่นคนนึงซึ่งเป็นคนติด social มากกกกกก
 เราเลยไม่เน้นถ่ายรูปเลย ให้มันถ่าย ผลปรากฎจึงมีรูปวิวไม่เยอะ 
แถมไปช่วงหิมะละลายเมืองเละมากค่ะ 555)

เราพักกันที่โฮสเทลแห่งหนึ่งไม่ไกลจากตัวถนนคนเดินของเมืองค่ะ
เอาจริงลืมชื่อไปแล้วค่ะ แต่เป็นโฮสเทลเล็กๆเป็นกันเอง
ห้องนึงนอนได้ 4 คนก็พอพวกเราพอดีค่ะ
จัดแจงเก็บของเสร็จ อาบน้ำเล็กน้อยพองามก็ออกมาเดินเล่นกันค่ะ
ที่แรกที่เราไปกันคือ...ถนนคนเดินค่ะ
หรือถนน Bauman ถนนนี้คนที่นี่เค้าเทียบเท่าถนนอารบัทของมอสโกเลย


รูปของเราถ่ายจากกล้อง iPhone 4 นะฮ้าาา บางรูปก็แต่งสีไว้แต่สมัยนู้น
บางรูปก็ไม่ได้แต่ง และนี่ก็ไม่ขยันจิแต่งด้วย 5555


Epiphany Cathedral หรือ  Богоявленский собор
ข้างๆที่เห็นหัวทองๆคือส่วนตัวโบสถ์ค่ะ สีฟ้า ยอดโดมหัวหอมสีทอง
แมคโดนัลด์ก็สีสันสดใสมาก
ธนาคาร

เราก็เดินชมเมืองกันไปเรื่อยๆค่ะ ร้านอาหารที่นี่มีอาหารหลากหลายค่ะ
อาหารตาตาร์เองก็เยอะมากกก ที่โด่งดังก็มีหลายจานนะคะ 
แต่ที่พลาดไม่ได้จริงๆก็คือขนมปังอบหรือพายไส้เนื้อ ที่เรียกว่า วัค-เบลิช (Вак-Белиш)
สำหรับใครไม่กินเนื้อ บางที่ก็มีไส้อื่นให้เลือกนะคะ เห็ดบ้าง มันฝรั่งบ้าง ไก่บ้าง
อีกอันนึงที่ไม่ควรพลาดก็คือซุปใส่เส้นหรืออารมณ์ก๋วยเตี๋ยวบ้านเราที่ชื่อว่า ต๊อกมาช (токмач) 
และปิดท้ายด้วยขนมหวานสุดอร่อยและหว๊านหวานที่ชื่อว่า ชัค-ชัค (Чак-чак) ค่ะ
เวลารับประทานต้องกินกับชาค่ะ ปกติคนที่นี่จะกินชาไม่ใส่น้ำตาล
พอกินกับขนมหว๊านหวานก็จะเข้ากันได้พอดีค่ะ
ต๊อกมาช
เบลิช
ชัค-ชัค

เรากินกันจนอิ่มแล้วก็เดินต่อค่ะ ไปยังโบสถ์ Cathedral of the Apostles Peter and Paul
หรือที่เรียกว่า  Петропавловский собор ซึ่งเป็นโบสถ์ออร์ธอด็อกซ์
ที่หน้าตาไม่เหมือนออร์ธอด๊อกซ์แม้แต่น้อยเลยค่ะ
โบสถ์เดิม ณ ที่นี้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อปี 1565 ค่ะ แต่ต่อมาในสมัยพระเจ้าปีเตอร์ที่ 1
เกิดสงครามรัสเซีย-เปอร์เซียขึ้นมา ซึ่งพระเจ้าปีเตอร์ได้รับชัยชนะในครั้งนั้น
ก็เลยมีการสร้างโบสถ์นี้ขึ้นใหม่ในปี 1722 เพื่อให้เกียรติแก่พระเจ้าปีเตอร์
โดยสร้างในสไตล์บารอคแบบมอสโก (Moscow Baroque หรือ Naryshkin Baroque)
ซึ่งเป็นที่นิยมในช่วงศตวรรษที่ 17 ถึงต้น 18 นั่นเองค่ะ
ภาพจากวิกิพีเดีย
ถ่ายคู่กับหอระฆังค่ะ
คือฉากนี้มีแต่ตอนเผลอและไม่พร้อม
จึงต้องขอเอาแอปเปิ้ลปิดหน้าเจ๊
ที่กำลังด่าเพื่อนที่ถ่ายด้วยประการฉะนี้ 555


เสร็จจากโบสถ์นี้เราก็เดินเล่นกันต่อค่ะ ชิวๆไปเรื่อยตามประสาเด็กโดดเรียน
ช่วงนั้นอากาศประมาณ -10 ถึง -15 ค่ะ 
ถือว่าไม่หนาว ใส่โค้ทเดินได้สบายมากๆค่ะ

พอตกเย็นก็ไปทำธุระกันต่อเล็กน้อย ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ค่ะ 5555
สำหรับวันแรกก็ยังไม่มีอะไรมาก เน้นชิวๆสบายๆ
เพราะมาจากอากาศ -25 ยังไงพี่มาเจออากาศแบบนี้ พี่ก็สบายอะนะ 
ส่วนอีก 2 วันที่เหลือจะเป็นไง ไว้จะมาเล่าให้ฟังค่ะ

___________________