วันที่ 2 ของการมาเที่ยวคาซาน
ตื่นเช้ามาเราก็เดินมายังบริเวณถนนคนเดินอีกครั้งเพื่อหาอะไรกินค่ะ
ของกินบริเวณนี้เรียกได้ว่ามีเยอะหลายชาติอย่างที่บอก
เช้านี้พวกเราก็เลยแวะกินอาหารหน้าตาคล้ายเคบับ
ซึ่งในภาษารัสเซียเรียกว่า ชาอูรม่า (Шаурма) หรือชาวารม่า (Шаварма)
หรือชาเวียรมา (Шаверма) ต่างกันอย่างไรนั้นขึ้นกับท้องถิ่นแต่ละแห่ง
เช่น ช่วงแถบยาโรสลาฟหรือไปทางทเวียร์ จะเรียกว่าชาวารม่า (Шаварма)
ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเรียกกันว่า ชาเวียรมา (Шаверма)
ส่วนที่มอสโก และคาซาน (รวมถึงเยคาฯบ้านนาของฉัน) เรียกว่า ชาอูรม่า (Шаурма)
เจ้าเคบับรัสเซียนี่จะทำจากแผ่นแป้งลาวาชแล้วห่อด้วยเนื้อไก่หรือเนื้อวัว
บางที่ก็มีเนื้อแกะหรือเนื้อหมู แต่ที่เจอบ่อยสุดคือไก่ค่ะ
ใส่กะหล่ำปลี มะเขือเทศ แตงกวาดอง หัวหอม และก็ผักชี
จะมีซอสสูตรเฉพาะของเค้า และก็ใส่มายองเนสค่ะ
ขนาดประมาณ 20 cm ได้ ถือเดินกินสะดวกเลย
แอบเม้านิดนึงว่าสมัยปี 2005 ที่มาแลกเปลี่ยนนั้น เจ้าชาอูรม่าของเราราคา 60 รูเบิ้ลเอง
10 ปีผ่านไปตอนนี้ก็ปาเข้าไป 150-200 รูเบิ้ลกันแล้ว
ใครอยากชิมล่ะก็ ถ้าไปรัสเซียหาร้านไม่ยากเลยค่ะ เป็นพวก kiosk เต็มไปหมด
(ซึ่งส่วนใหญ่อร่อยนะคะ ถ้าจะกินในร้านต้องร้านอาหารอุซเบก คาซัคฯอะไรแบบนั้น)
เจ้าเคบับนี้ คนรัสเซียกินกันเยอะจนแมคโดนัลด์ก็มีเอาขายด้วยนะคะ
แต่จะเป็นแบบประยุกต์ไปแล้ว พวก beef roll, fish roll แบบนั้น
หลังจากกินกันเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินทางไปยังสถานที่สำคัญของเมือง
นั่นก็คือ... เครมลิน นั่นเองงงงง
ประวัติเครมลินแอบเกริ่นไว้ในตอนที่แล้วแล้วเนอะ
รอบนี้ก็เลยไม่ขอพูดอะไรมากค่ะ
เราเดินเข้าผ่านทางหอ The Saviour Tower มาก็จะเจอทางเดินตรงเข้าไปค่ะ
ทีนี้ไฮไลท์ของเราอยู่ที่มัสยิด Kul-Sharif Mosque
ซึ่งพอเข้าไปแล้วเดินไปสักพักจะอยู่ด้านซ้ายมือ
ซึ่งพอเข้าไปแล้วเดินไปสักพักจะอยู่ด้านซ้ายมือ
โมเดลแผนผังของเครมลินที่นี่ค่ะ สวยและเก๋มาก อยู่ด้านในอาคารไหนสักแห่งลืมชื่อ |
มาดูผังคร่าวๆของที่นี่กันค่ะ รูปนำมาจาก official page ของ Kazan Kremlin เลยค่ะ
(เราใช้โปรแกรมแต่งรูปใดๆไม่เป็นค่ะ เลยทำผ่าน paint เบสิคมากกก
และชอบตัวอักษรไม่จริงจังด้วย เลยออกมาแบบที่เห็นเนี่ยค่ะ)
(เราใช้โปรแกรมแต่งรูปใดๆไม่เป็นค่ะ เลยทำผ่าน paint เบสิคมากกก
และชอบตัวอักษรไม่จริงจังด้วย เลยออกมาแบบที่เห็นเนี่ยค่ะ)
ทีนี้เมื่อเราเดินกันเข้ามาก็จะมาถึงมัสยิด Kul-Sharif หรือ Qolşärif ค่ะ
เดิมทีมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปีคริสตศตวรรษที่ 16 ค่ะ
ตามชื่อของอิหม่าม Qolşärif ของจักรวรรดิข่านคาซาน
และยังเป็นหนึ่งในผู้นำการสู้รบกับพระเจ้าอีวานที่ 4 (Ivan the terrible)
และเสียชีวิตในการสู้รบในครั้งนั้นค่ะ
มัสยิดแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียเลยค่ะ
ด้านหน้ามัสยิด |
เนื่องจากช่วงที่เราไปนั้นด้านในมัสยิดปิดซ่อมแซมค่ะ
พวกเราจึงอดเข้าไปชมกัน แต่พอจะรู้ว่าภายในสวยงามมากๆ
เลยเอารูปมาให้ลองดูกันค่ะ credit ตามภาพนะคะ
ภาพจาก birkaadv.wordpress.com |
บนเพดาน cr: static.panoramio.com |
หลังจากนั้นเพื่อนเราก็มีการถ่ายทำคลิปทักทายเพื่อนๆ social ไม่ cam กันเล็กน้อยแต่พองาม
แล้วก็เดินต่อไปยัง Suyumbike Tower หรือ Söyembikä Tower นั่นแหละค่ะ
ชื่อ Söyembikä ก็มาจากชื่อพระมเหสีของข่านคาซานคนสุดท้ายนั่นเอง
ชื่อ Söyembikä ก็มาจากชื่อพระมเหสีของข่านคาซานคนสุดท้ายนั่นเอง
ใต้ตึกนี้จะมีประตูเมทาลิกประกบกันเป็นรูปพระอาทิตย์กับพระจันทร์อย่างละครึ่งค่ะ
แล้วเราก็เดินต่อออกไปยังริมกำแพงค่ะ เพื่อจะเดินออกไปอีกทางของฝั่งเครมลิน
และนี่คือภาพที่เก็บได้จากริมกำแพง .... หน้าหนาวรัสเซียก็เป็นเช่นนี้แลค่ะ
ฝั่งซ้ายมือคือแม่น้ำโวลก้า ซึ่งในช่วงหน้าร้อนสามารถล่องเรือแบบ cruise
ฝั่งซ้ายมือคือแม่น้ำโวลก้า ซึ่งในช่วงหน้าร้อนสามารถล่องเรือแบบ cruise
ไปเที่ยวเมืองต่างๆตามสายแม่น้ำได้ด้วยนะ เก๋กู้ด
เราเดินกันมายังฝั่งตรงข้ามกับเครมลินค่ะ ตรงบริเวณนี้จะมีสนามฟุตบอลขนาดใหญ่
เรียกว่า Central Stadium หรือถ้าใครนึกไม่ออก
พอจะดูบอลกันอยู่บ้างก็นี่เลย ทีมฟุตบอล Rubin Kazan
(คิดว่าแฟนบอลไม่น่าจะไม่มีใครไม่รู้จักนะ เรายังรู้เลย 55555)
สนามนี้ใช้เป็นสนามบ้านของทีมนี้นั่นเองค่ะ
หลายคนก็สงสัยแกจิไปทำไมวะ สนามบอล
พอดีหนุ่มในทีมอยากไปซื้อของที่ระลึกค่ะ และเราก็โอเคเพราะเราก็ตื่นเต้นอะเนอะ 555
รูปสวยๆไม่มีหรอกค่ะ สภาพตอนนั้นหิมะเละมากกกก
เลยขออนุญาตนำรูปกู้ยืมมาให้ชม
หลักฐานว่าหิมะมันเละมาก ขออำพรางเบ้าหน้าผู้ร่วมทริปนิดนึง |
เห็นมัสยิดไกลๆไหมคะ |
รูปมุมสูงค่ะ ด้านหลังสนามที่ใหญ่ๆนั่นคือโรงละครสัตว์ ส่วนด้านบนก็เป็นแม่น้ำโวลก้าค่ะ |
มื้อนี้เราไปนั่งร้านอาหารกัน ชื่อว่าร้านสตารึย อัมบาร์ (Старый Амбар) Old Ambar
อาหารก็มีทั้งรัสเซีย ตาตาร์ พิซซ่า สลัด สเต็กฯลฯ ให้เลือกกินกันเลย
และแน่นอนคะ มีเครื่องดื่มแอลกันเล็กๆน้อยๆ นี่ก็ยืมเพื่อนมาถ่ายคู่สร้างภาพนิดนึง
สร้างภาพไป 2 แก้ว ก็หายหนาวเลยค่ะ 55555
หลังจากรับประทานกันเสร็จ อย่างที่บอกนะคะว่ทริปนี้เน้นชิวมากถึงมากที่สุด
ก็เลยเดินเล่นกันต่อค่ะ คราวนี้ไปถึงบริเวณมหาวิทยาลัยคาซาน
และห้องสมุดด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นจำไม่ได้จริงๆค่ะว่าอยู่ห่างกันมากแค่ไหน
เพราะว่ามีเพื่อนนำทางให้ และ ณ ตอนนี้ที่เขียนอยู่ก็ 2 ปีผ่านไปแล้ว
ห้องสมุด |
เลยได้ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อของกัน เพื่อจะนำกลับมาทำอาหารมื้อเย็นกินกันที่ห้องเพื่อนค่ะ
พอดีว่าเพื่อนของเราพักอยู่กับพี่ๆคนไทยที่ไปทำงาน ก็เลยมีพื้นที่ครัวให้ไปทำกินได้
มื้อเย็นวันนั้นจัดว่าเด็ดมากๆค่ะ ทั้งส้มตำ ลาบหมู ข้าวเหนียว ฯลฯ
ลาภปากคนไม่มีเครื่องปรุงแบบเราๆนัก
จากนั้นก็สั่งแท็กซี่กลับมาที่โฮสเทล
ค่าแท็กซี่ก็ตกประมาณ 200 รูเบิ้ลได้ ถือว่าปกติมากค่ะ
เช้าวันสุดท้ายที่คาซาน เราไม่รีบเลยค่ะ slow life ของจริง
กว่าจะตื่น กว่าจะจัดของ แล้วก็ check out ออกมา
ไปสถานีรถไฟกันค่ะ รถไฟของเรารอบเย็นๆค่ำๆ และจะไปถึงเยคาฯตอนเช้า
แต่ก่อนขึ้นรถไฟเราต้องหาอะไรรองท้องกันก่อน
และแน่นอนแถวนั้นมีร้านอาหารแบบรัสเซียที่เรียกว่า Столовая ด้วยค่ะ
เป็นแบบโรงอาหาร คือเลือกสั่งเอาเลยว่าอยากกินอะไร
อารมณ์คล้ายข้าวราดแกงบ้านเรา แถมอร่อยและราคาไม่แพงด้วย
จริงๆแล้วคาซานมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะแยะนะคะ แต่พอดีเราไม่ได้ไปเที่ยวเลย
ถ้าใครมีโอกาสก็ลองมาเที่ยวชมเมืองนี้ดูนะคะ
ยิ่งตอนนี้ผ่านการจัดกีฬามหาวิทยาลัยโลกไปแล้ว ก็ยิ่งเจริญกว่าเดิม
แถมยังเป็นหนึ่งในสนามที่จัดกีฬาฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพด้วย
ค่าครองชีพก็ถือว่าถูกกว่าในมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วย
(และถ้าจำไม่ผิด ถูกกว่าเยคาฯเสียด้วย)
รวมราคาทั้งทริปนี้ของเรา ก็อยู่ที่ประมาณ 5 พันรูเบิ้ลค่ะ
ถือว่าโอเคเลย เพราะรวมค่าตั๋วรถไฟและค่าที่พักเรียบร้อยแล้ว
หลังจากจบทริปนี้ก็มาตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจเรียนเทอม 2
ของชีวิตเด็ก ป.โทต่อไปค่ะ т^т
ฮือ โลกความจริงโหดร้ายเสมอออ
-----------------------------------------------