วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

Trans-Siberian Lil Trip 1: Dream came true :)

           ช่วงปิดเทอมเล็กที่ผ่านมา (ปลายเดือนมกราคม) นั่งคุยกับพี่ๆว่าน่าจะไปเที่ยวเมืองอื่นของรัสเซียกัน นอกจากมอสโกกับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพราะไหนๆเมืองเยคาเตรินเบิร์กก็เป็นเมืองประตูสู่ไซบีเรียอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ไปเที่ยวทางฝั่งไซบีเรียบ้าง น้อยคนนักที่จะได้ไป จากที่คุยกันเล่นๆ กลายเป็นทริปจริงจังขึ้นมาจริงๆ  ว่าแล้วเราก็เตรียมวางแผนกับเพื่อนและรุ่นพี่อีก 2 คน การไปเที่ยวผู้หญิง 4 คนดูน่ากลัวน้อยลง เมื่อคุณพูดภาษารัสเซียได้ (แม้จะไม่คล่องเท่าไรก็ตาม) ทริปเราจะเริ่มจากที่นี่โดยมีเป้าหมายไปสิ้นสุดที่ทะเลสาบไบคาล ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลกกกกกกก โดยจะไปตามเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย ที่เรียนมาตั้งแต่เข้าปี 1 ที่ธรรมศาสตร์ ตื่นเต้นสุดๆเลย 

แผนที่รถไฟสายทรานส์ไซบีเรียค่ะ ^^
          
           เรามานั่งคิดกันว่าถ้านั่งรถไฟตรงยาวจากเมืองเราไปถึงทะเลสาบไบคาล ใช้เวลาทั้งหมดประมาณเกือบ 60 ชั่วโมง นานไปมั้ง น้ำไม่ได้อาบ เสบียงไม่ค่อยมี น่าจะไปพักเมืองอื่นกันบ้างเนอะ และแล้วเมืองโนโวซิบิสค์ (Novosibirsk) ก็ผุดขึ้นมาในหัว เมืองใหม่เมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศรัสเซียเลย ใช้เวลาเดินทางจากเมืองเราไปเมืองนี้ประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นเราจะไปเมืองอิรคุสก์ (Irkutsk) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่ใกล้ทะเลสาบไบคาลมากที่สุดค่ะ ตอนแรกกะแค่จะนั่งรถต่อไปริมทะเลสาบไบคาล แต่ด้วยความที่ฤดูที่เราไปเป็นฤดูหนาว และอยู่ในช่วงที่หนาวที่สุด (ต้นเดือนกุมภา) เป็นช่วง low season ที่สุด ไม่มีรถไฟนำเที่ยวเลย เราจึงเลือกไปเกาะโอคอน (Olkhon island) ที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบไบคาลด้วยด้วยการนั่งรถบนน้ำแข็งกลางทะเลสาบนั่นเอง (ฟังดูน่าตื่นเต้นมาก) และขากลับเราเลือกแวะเมืองออมสก์ (Omsk) เมืองที่รัฐบาลรัสเซียส่งเด็กไทยมาเรียนรุ่นแรกและรุ่นเดียว และพี่ๆกำลังจะจบแล้ว ไหนๆก็ผ่านก็แวะซะหน่อยเนอะ อิอิ แล้วก็กลับสู่เยคาฯโดยสวัสดิภาพ

จากเยคาฯ เมืองติดดาว ไปตามลำดับเมืองเลยค่ะ
เบอร์ 2 แอบมี * เล็กน้อยเพราะว่ามีแวะทะเลสาบไบคาลกับเกาะโอคอน ไม่มีรูปในแผนที่อ่ะ

           สำหรับแผนการเดินทาง เอมเป็นคนรับผิดชอบ จัดการช่วงวันเวลาทั้งหมด โดยเชคตั๋วรถไฟ ซึ่งต้องจองก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนเลย และเตรียมคำนวนวันเวลาดีๆ เพราะการเดินทางโดยรถไฟในรัสเซียจะยึดเส้นแบ่งเวลาของมอสโกเป็นหลักค่ะ (ช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมง) คือช้ากว่าที่เยคาฯ 2 ชั่วโมง สำหรับแผนการเดินทาง ฟังดูยาวนาน ตอนเขียนนี่ตื่นเต้นมาก ดูรอบรถไฟแล้วดูรอบอีก กลัวตารางเปลี่ยน กลัวเวลาไม่ตรง กลัวนู่นนี่นั่น บลา บลา บลา..

"แผนของเราคือเริ่มออกเดินทางจากเยคาฯในวันเสาร์ที่ 26 มกราคมตอนเกือบเที่ยง แล้วเราจะไปถึงเมืองโนโวซิบิสก์ วันที่ 27 มกราคม ตอนประมาณ 11 โมงเช่นกัน (เวลา +3 ชั่วโมงจากมอสโก) จากนั้นเราจะออกจากโนโวซิบิสก์ในวันที่ 29 มกราคม และจะไปถึงเมืองอิรคุสก์ในวันที่ 31 มกราคม ตอนบ่ายๆ (เวลา +5) แล้ววันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะไปขึ้นรถตู้กันไปเมืองท่าที่ไปต่อรถลุยน้ำแข็งข้ามไปเกาะกัน จากนั้นวันที่ 3  กุมภาพันธ์ กลับมาขึ้นรถไฟที่อิรคุสก์ นั่งกลับไปเมืองออมสก์ (เวลา +3) ถึงวันที่ 5 และจะกลับมาเยคาฯในวันที่ 7 กุมภาพันธ์"

ตัวอย่างตั๋วรถไฟของรัสเซียค่ะ
บอกวันเวลา ชื่อขบวน โบกี้ ที่นั่ง ชื่อผู้โดยสาร ราคา
พร้อมระบุชัดเลยว่าเป็นเวลามอสโกนะคะ
(ค่ารถไฟทั้งทริป ประมาณ 8000 บาทได้ค่ะ)
        แผนการเราประมาณนี้ ฟังดูเหนื่อย แต่สนุกมากกับการจัดตารางเพราะหน้าหนาวมืดเร็วมากๆ สิริรวมวันที่ไปเที่ยวประมาณ 2 สัปดาห์ ใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟก็ 1 สัปดาห์เข้าไปแล้วอ่ะ
        โอ่ยยยย ช่างยาวนานจริงๆๆๆ แล้วเดี๋ยวคราวหน้าจะมาเล่าต่อนะคะ ^^ 


วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

เยคาเตรินเบิร์ก (Ekaterinburg) - ประตูสู่ไซบีเรีย


สวัสดีจากเมืองเยคาเตรินเบิร์กค่ะ หรือในภาษารัสเซียเขียนว่า Екатеринбург ในภาษาอังกฤษจะเขียนว่า Yekaterinburg ส่วนภาษาไทยนั้นแบบที่ถูกต้องยังไม่มีระบุชัดเจน (จึงจะขออนุญาตเขียนว่าเยคาเตรินเบิร์กนะคะ)

เมืองเยคาเตรินเบิร์กเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศรัสเซีย (รองมาจากมอสโก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและโนโวซีบีสค์ ตามลำดับ) และจัดเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตทวีปยูเรเซีย บริเวณเทือกเขาอูราล ซึ่งแบ่งแยกประเทศรัสเซียออกเป็น 2 ส่วนคือฝั่งยุโรปกับฝั่งเอเชีย แต่ยังไม่จัดว่าเป็นเมืองในเขตไซบีเรีย และยังเป็นสถานีรถไฟสำคัญในเส้นทางรถไฟสาย ทรานส์ไซบีเรีย (Trans-Siberia Railway) ด้วย สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งจึงเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างเขตยุโรปและเขตเอเชีย
เส้นแบ่งเขตระหว่างเอเชียกับยุโรปค่ะ 
จริงๆแล้วเมืองเยคาเตรินเบิร์กจัดเป็นเมืองอุตสาหกรรมและเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว จึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่มากนัก 
โดยสถานที่สำคัญเริ่มมาจากการปฎิวัติในปี ค.ศ.1917 ซึ่งเปลี่ยนระบบการปกครองของรัสเซีย ทำให้พระมหากษัตริย์หรือพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 (องค์สุดท้ายของรัสเซีย) และครอบครัวถูกจับมาขังอยู่ที่เมืองนี้ และในปีต่อมาก็ถูกตัดสินประหารชีวิตจึงมีการสร้างโบสถ์หยดเลือด ชื่อภาษารัสเซียเรียกว่า Храм на крови และพระศพถูกฝังอยู่บริเวณพื้นที่นอกเมืองนี้ ซึ่งเรียกกันว่ากานีน่า ยาม่า (Ганина Яма) จนกระทั่งเข้าสู่การปกครองในยุคเยลต์ซินจึงมีการขุดพระศพกลับเข้าไปทำพิธีอีกครั้ง 
โบสถ์หยดเลือด

บริเวณที่พระศพถูกฝังค่ะ เรียกว่า กานีน่า ยาม่า
          มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเยคาเตรินเบิร์กคือ “มหาวิทยาลัยอูราล” (ชื่อภาษาอังกฤษคือ Ural Federal University ชื่อภาษารัสเซียว่า Уральский Федеральный Университет имени первого Президента России Б.Н.Ельцина ย่อว่า УрФУ

ตึกใหญ่ของมหาวิทยาลัยอูราล (УрФУ) ค่ะ เป็นตึกเก่าของสถาบันเทคนิคอูกตู-อูปี (УГТУ-УПИ)
credit: http://vk.com/student_urfu

มาจากการรวมกันของมหาวิทยาลัยอูราล (ชื่อภาษาอังกฤษคือ Ural State University หรือภาษารัสเซียคือ Уральский Государственный Университет им. А.М. Горького ย่อว่า УрГУ) และสถาบันเทคนิคอูราล (ชื่อภาษารัสเซียว่า Уральский Государственный Технический Университет - УПИ имени первого президента России Б. Н. Ельцина ย่อว่า УГТУ-УПИ)  ที่ประธานาธิบดีคนแรกของสหพันธรัฐรัสเซีย - นายบอริส เยลต์ซินเคยเรียนมาก่อนนั่นเอง

ตึกมหาวิทยาลัยอูราล (УрГУ) ค่ะ
credit: http://xn--80acgfbsl1azdqr.xn--p1ai/news/18/10362-shkola-uspeshnogo-abiturienta-v-urgu-primet-pervykh-v-etom-godu-uchenikov/
      การเดินทางในเมืองเยคาเตอรินเบิร์กมีทั้งรถโดยสารประจำทาง รถแทรม รถทรอลเลย์ และรถไฟใต้ดิน(метро) ถนนสายหลักของเมืองชื่อว่าถนนเลนิน (Ленинский Проспект) ซึ่งมีจุดสิ้นสุดที่มหาวิทยาลัยอูราล (ตึกแรกที่ลงรูปไปนั่นเอง) 
ถนนเลนินค่ะ
credit: http://redigo.ru/geo/Europe/Russia/poi/6217/media/photo/3

   นอกจากนี้ยังมีถนนคนเดินที่เรียกว่าถนนไวเนียร่า (ул.Вайнера) ถูกเรียกว่าเป็นถนนอารบัทแห่งเยคาเตอรินเบิร์กเลยทีเดียว แล้วถนนอารบัทคืออะไร คือถนนคนเดินที่เป็นถนนท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของมอสโกค่ะ นักท่องเที่ยวที่มารัสเซียต้องไม่พลาดถนนอารบัทนี่แน่นอน เพราะเป็นแหล่งขายของที่ระลึกร้านค้าและร้านอาหารต่างๆค่ะ ส่วนถนนไวเนียร่าของเมืองนี้ ก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าต่างๆมากมาย โดยเริ่มจากจัตุรัส 1905 ซี่งเป็นที่ตั้งของตึกสภาดูม่ายาวไปจนถึงห้างสรรพสินค้ากรีนวิช (Гринвич) ห้างนี้จัดเป็นห้างหลักของเมืองที่มีสินค้าหลากหลาย และตั้งอยู่ในตัวเมืองมากที่สุด



รูปปั้นหนุ่มสาว พบเห็นได้ตามถนนสายนี้ค่ะ

ถนนคนเดิน
credit:http://ural-nedvigimost.ru/blog/oldtown/132.html


    โรงละคร (Оперный Театр) ที่นี่ มีคณะบัลเลต์และโอเปร่าที่จัดว่ามีชื่อเสียงมากคณะหนึ่ง และได้ไปแสดงในงาน Bangkok’s International Festival of Dance & Music ด้วย


โรงละคร ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยอูราลเลยค่ะ


      นอกจากนี้โรงละครสัตว์ (Цирк) ของที่เมืองนี้ก็จัดว่าเป็นสถานที่สำคัญเพราะนับเป็นโรงละครสัตว์ที่มีสถาปัตยกรรมสวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปเลยทีเดียว
โรงละครสัตว์ค่ะ ภาพตอนกลางคืนสวยดี
credit: http://arbuzzz.artphoto.pro/fullscreen.aspx?id=418868

สำหรับเยคาเตอรินเบิร์ก เมืองใหญ่ในเขตอูราลนี้ มีการขยายสร้างเขตเมืองใหม่ขึ้นมาอีก  ต่อไปเมืองนี้คงเจริญน่าดูแล้วล่ะ  สำหรับเราการได้อยู่เมืองนี้มา 2 ปีก็ถือว่าเป็นเมืองที่อยู่สบายเมืองนึงเลยทีเดียวล่ะ :)