ทะเลสาบไบคาล (Озеро Байкал) เป้าหมายหลักของพวกเราใกล้เข้ามาแล้วววว
เราติดต่อกับทางบริษัททัวร์ในเรื่องการเดินทางจากอิร์คุสก์ไปทะเลสาบไบคาล
และที่พักบนเกาะโอลคอน (Ольхон остров)
และที่พักบนเกาะโอลคอน (Ольхон остров)
รวมทั้งหมด 3 วัน 2 คืน เสียค่าใช้จ่ายไปคนละประมาณสี่พันกว่าบาท
ตื่นกันมาแต่เช้าตรู่ ก็มีรถตู้มารับที่หน้าโฮสเทล เวลานัดเราอยู่ที่ 8 โมงเช้า
ทางเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลที่อยู่ที่เกาะมา หน้าตาแบบนี้
ที่อยู่ Guest House ที่เราจะไปพักกัน |
จากเมืองอิร์คุสก์ เราจะนั่งรถตู้ที่ทางบริษัทส่งให้ไปประมาณ 6 ชั่วโมง
ก็จะถึงเมืองท่าที่จะข้ามไปยังเกาะโอลคอนค่ะ
ปกติในฤดูอื่นที่ไม่หนาวจัด ก็จะมีเรือรับส่งระหว่างฝั่งกับเกาะ
แต่ในฤดูนี้ เราจะนั่งรถกันไปยังเกาะ เพราะทะเลสาบแข็งไปแล้ว
ระหว่างที่เรานั่งรถไปกันก็จะแวะข้างทางครั้งนึงเพื่อให้เข้าห้องน้ำ ซื้อน้ำซื้อขนม
แต่อย่าเรียกว่าห้องน้ำเลย เรียกว่า ช่องและหลุมที่ให้คุณไปปลดปล่อยดีกว่า น่ากลัวมาก
พอเราไปถึงท่าเรือกัน ก็ได้เจอรถมารับ เป็นรถตู้โครงเหล็ก พร้อมลุยมากๆๆ
และที่สำคัญมีการเปลี่ยนถ่ายปลาสดกันเป็นถุงๆเลย
หน้าตารถตู้เป็นแบบนี้ ถุงที่ลุงลากอยู่ คือปลาล้วนๆ บล็อคสีน้ำตาลที่เห็นด้านหลังนั่นแหละ ที่เรียกว่าช่องปลดปล่อย |
จากท่าเรือวิ่งไปถึงเกาะโอลคอนประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อแตะขอบเกาะแล้ว
จะต้องไปต่ออีกประมาณเกือบชั่วโมงไปยังหมู่บ้านฮูชีร์ (Хужир - Khuzhir)
ไม่รู้เขียนภาษาไทยที่ถูกต้องยังไง เอาเป็นว่าเขียนแบบนี้ละกันนะคะ
หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านใหญ่ของเกาะโอลคอนเลย คือบนเกาะมีไม่กี่ชุมชนที่อยู่กัน
ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านบนของเกาะ คือบริเวณที่คนไปเล่นกีฬา ตกปลาน้ำแข็งกัน
แต่ถ้าเป็นชุมชนใหญ่สุดจะอยู่ประมาณกลาางๆเกาะค่ะ จะอยู่ใกล้กับสถานที่เที่ยวสำคัญๆ
Nikita's Guest House ที่พักชื่อดังบนเกาะนี้ |
เราได้พัก Guest House ที่ไม่โด่งดังของหมู่บ้าน จริงๆมีอีกแห่งที่เป็นที่นิยมมาก
แต่เราได้พักแบบท้องถิ่นกันเลย ป้าเจ้าของที่พักเราชื่อ ป้าโอลก้า ใจดีมากๆๆๆ
เมื่อเราไปถึง นางก็จัดเตรียมห้องนอน นอนห้องละ 2 คน
โดยมีเตาผิงขนาดใหญ่มากอยู่กลางบ้าน
โดยมีเตาผิงขนาดใหญ่มากอยู่กลางบ้าน
เพื่อเพิ่มความอบอุ่น อากาศตอนไปถึง ประมาณ -27 องศาเซลเซียสค่ะ
พอเราวางของเสร็จเรียบร้อย นางก็เตรียมอาหารการกินมื้อแรกไว้ให้พวกเราเสร็จพอดี
ห้องนอน |
อาหารมื้อแรก |
ซุปมันฝรั่ง ใส่ลูกเดือย |
ขนมหวาน อร่อยมากกกกกกกกก |
หลังจากกินมื้อแรกกันเสร็จ เราสี่คนก็กะจะเดินไปยังหินชาแมน (Шаман-скала)
สถานที่เที่ยวสำคัญของทะเลสาบไบคาลเลย
จริงๆมีนิทานเรื่องเกี่ยวกับทะเลสาบไบคาลด้วย
จริงๆมีนิทานเรื่องเกี่ยวกับทะเลสาบไบคาลด้วย
เคยตอบควิซส่งอาจารย์ตอนเรียนปี 2 คืออ่านเป็นภาษารัสเซียแล้วแปลไปเขียนควิซ
ซึ่งแปลไปถูกป่าวไม่รู้ เพราะระดับภาษาเราก็งูๆปลาๆอ่ะนะ
เอาเป็นว่าการจะไปยังหินชาแมนของเรานั้น เดินอย่างเดียวค่ะ
คือการใช้ชีวิตอยู่บนเกาะของเรานั้น จะต้องใช้เท้ากันอย่างเดียว
ไม่มีรถสาธารณะและไม่มีรถรับจ้างด้วย
นึกภาพว่าการเดินอยู่บนหิมะในอุณหภูมิ -20 กว่าองศาเซสเซียสขึ้นไป
ไม่มีรถสาธารณะและไม่มีรถรับจ้างด้วย
นึกภาพว่าการเดินอยู่บนหิมะในอุณหภูมิ -20 กว่าองศาเซสเซียสขึ้นไป
นึ่คือหนาวแข็งมากกกกก
จากบ้านป้าโอลก้าไปยังริมทะเลสาบไบคาลก็ประมาณ 700 เมตร คือไม่ใกล้ไม่ไกล
เราเลยตัดสินใจเดินดูบรรยากาศรอบหมู่บ้านไปด้วย และก็ไปดูที่เที่ยวริมทะเลสาบไปด้วยเลย
บ้านของผู้คนในหมู่บ้านฮูชีร์นี้จะเป็นบ้านไม้ซุง
และมีปล่องไฟหรือเตาผิงอยู่ทุกหลังเพื่อให้ความอบอุ่น
และมีปล่องไฟหรือเตาผิงอยู่ทุกหลังเพื่อให้ความอบอุ่น
ซึ่งอบอุ่นจริงๆนะ บางบ้านก็มีซาวน่าแบบรัสเซียหรือที่เรียกว่าบาเนีย (баня) ด้วย
เพราะนักท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อนเยอะมากจริงๆ เราก็เดินกันไปเรื่อย
โดดเดี่ยวเดียวดายกันสี่คน นานๆจะเจอใครสักคนผ่านมา
เพราะหมู่บ้านไม่ใหญ่มาก มีร้านค้าอยู่ที่เดียว ร้านขายของที่ระลึก
โดดเดี่ยวเดียวดายกันสี่คน นานๆจะเจอใครสักคนผ่านมา
เพราะหมู่บ้านไม่ใหญ่มาก มีร้านค้าอยู่ที่เดียว ร้านขายของที่ระลึก
ห้องสมุด โรงเรียน ไปรษณีย์และพิพิธภัณฑ์ด้วย
ดูวิธีที่คุณพ่อลากเด็ก คือลากเลื่อนกันแบบนี้เลย |
เราเดินกันมาจนถึงริมทะเลสาบไบคาล และก็เจอกับหินชาแมนในตำนานนนน
คือสวยมากกกกก ด้านหลังทะเลสาบเป็นภูเขาสีขาว สวยมากกกกก
สวยและหนาว แต่รู้สึกว่าคุ้มมากกกกกกกที่มาถึงตรงนี้
Шаман-скала หินชาแมนนนน |
เดินขึ้นมาไปทางฝั่งแหลมบูร์ฮาน (Мыс Бурхан) ของทะเลสาบ ลุยหิมะกันมา ก็จะเจอกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเกาะ คือคนบนเกาะสมัยก่อนยังไม่มีศาสนา
ก็จะเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ต่อมาก็เริ่มมีความเชื่อตามศาสนาพุทธ
และคนในเกาะบางส่วนก็ยังคงนับถือศาสนาพุทธค่ะ
ก็จะเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ต่อมาก็เริ่มมีความเชื่อตามศาสนาพุทธ
และคนในเกาะบางส่วนก็ยังคงนับถือศาสนาพุทธค่ะ
ก็เอาเป็นว่าเราได้เจอกับแท่งศักดิ์สิทธิ์นี้ที่คนสร้างและผูกพ้าไว้แบบนี้
ตรงจุดนี้แหละที่เราสี่คนมาหยุดดูพระอาทิตย์ตกกัน แหมมมม สุดแสนจะโรแมนติก
พระอาทิตย์ตก (ภาษารัสเซียเรียกว่า ซากัต - Закат) |
หลังจากพระอาทิตย์ตก เราก็เดินกลับมายังที่พักกันเพราะกลัวว่าถ้ามืดกว่านี้แล้วจะเปลี่ยว
และที่สำคัญหนาวมากกกค่ะ ต้องอยู่ข้างนอกนานๆแบบนี้
กลับมาถึงที่พักเราก็ไปผิงไฟกันก่อนเลย อุ่นขึ้นมาเยอะ
ป้าโอลก้าและเพื่อนแม่ครัวของป้าชื่อ ป้านาตาชาได้เตรียมมื้อเย็นไว้ให้พวกเราเรียบร้อย มื้อนี้เป็นไก่ชุบเกล็ดขนมปังทอดพร้อมมันบด มีขนมปังแกล้มด้วย และก็มีของหวานตบท้ายแบบมื้อกลางวันที่เรามาถึง
ไก่ชุบเกล็ดขนมปังทอด และมันบด |
ข้อดีของการพักที่พักแบบนี้คือคุณป้าใจดีและจะชวนเราคุยตลอด
นั่งคุยกันเหมือนอยู่ใน Host Family เลย คือนางก็ถามว่าไปเดินตรงไหนมา เป็นไงบ้าง
ไปเที่ยวไหนมาแล้วบ้าง มารัสเซียมาทำอะไรยังไง กินอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
เคยเข้าซาวน่าแบบรัสเซียไหม พรุ่งนี้ป้าจะจัดให้ เราสี่คน เคยเข้ากันแค่สองคน
คือเรากับพี่มี่ตอนมาเป็นเด็กแลกเปลี่ยนที่รัสเซีย ก็เลยคิดจะเข้าอีก
พี่หญิงปีขอบายเลยเหลือแค่เรา พี่มี่และคุคุ
หลังจากพักกันเสร็จแล้วเราก็อาบน้ำ เปลี่ยนชุด เข้านอนกัน
เรานอนกันห้องละ 2 คนอย่างที่บอกค่ะ เรานอนกับคุคุ ซึ่งเราตัดสินใจเอาเตียงมาชนกันและเปิดประตูห้องนอนเพื่อให้ไออุ่นจากเตาผิงเข้าห้อง เนื่องจากว่าห้องหนาวมากกกก
แต่ก็หลับเพราะเหนื่อย แหะๆ
แต่ก็หลับเพราะเหนื่อย แหะๆ
เช้าวันต่อมาเป็นวันที่เราจะลงไปยังทะเลสาบของจริงแล้วค่ะ
สำหรับเราสี่คนการเดินบนแม่น้ำหรือทะเลสาบที่เป็นพื้นน้ำแข็งนี่น่าจะปกติ
เพราะที่เมืองเยคาฯของเราก็มีให้เดินทุกปี แต่มันไม่สวยแบบนี้น่ะสิ
เราเริ่มจากการกินมื้อเช้ากันก่อน (กินๆเที่ยวๆแบบนี้แหละ อิอิ)
มื้อนี้เป็นออมเล็ท ขนมปัง ชีส และขนมหวานคล้ายๆ apple crumble
มื้อนี้เป็นออมเล็ท ขนมปัง ชีส และขนมหวานคล้ายๆ apple crumble
วันนี้เราจะเดินไปยังพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวของเมืองกันก่อนค่ะ
ทางเดินไปพิพิธภัณฑ์จากบ้านป้าโอลก้า เจอแยกหลักเลี้ยวซ้ายโลดดดด |
เราเดินกันไปจนถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ก็พบข่าวร้ายค่ะ
มันปิดวันเสาร์-อาทิตย์ -_-"
ไปยืนหน้ามุ่ยกันอยู่ ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจเนอะ
ก็เดินดูโรงเรียน โดยทั่วไปโรงเรียนที่รัสเซียเนี่ยมีเรียนวันเสาร์ด้วยนะคะ
เด็กๆก็มาวิ่งเล่นสไลเดอร์น้ำแข็งอะไรกันเหมือนไม่หนาวเลย
แล้วก็เดินดูสถานที่สำคัญในหมู่บ้านกันไปเรื่อยๆ
แล้วก็เดินดูสถานที่สำคัญในหมู่บ้านกันไปเรื่อยๆ
จากนั้นเราก็เลยเดินไปยังร้านขายของที่ระลึกร้านเดียวของหมู่บ้านกัน
ตอนไปถึงหน้าร้าน นึกว่าเค้าจะปิดตามฤดูกาลไปด้วย แต่เปล่าเลย
เคาะเรียกเค้าก็มาเปิดประตูให้แล้วค่ะ
ภายในก็มีของที่ระลึกขายประปราย คิดว่าถ้าเป็นฤดูอื่นน่าจะเป็นที่นิยมมาก
มีทั้งของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ของรัสเซียอย่างตุ๊กตาแม่ลูกดก
พวงกุญแจ เครื่องรางของขลัง โปสการ์ด รูปภาพ
ครบเครื่องเลยทีเดียวค่ะ ราคาไม่แพงด้วย ^^
ตอนไปถึงหน้าร้าน นึกว่าเค้าจะปิดตามฤดูกาลไปด้วย แต่เปล่าเลย
เคาะเรียกเค้าก็มาเปิดประตูให้แล้วค่ะ
ภายในก็มีของที่ระลึกขายประปราย คิดว่าถ้าเป็นฤดูอื่นน่าจะเป็นที่นิยมมาก
มีทั้งของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ของรัสเซียอย่างตุ๊กตาแม่ลูกดก
พวงกุญแจ เครื่องรางของขลัง โปสการ์ด รูปภาพ
ครบเครื่องเลยทีเดียวค่ะ ราคาไม่แพงด้วย ^^
หน้าตาของที่ระลึก |
งานหัตถกรรม |
สีสันสดใสสุดๆ |
เสร็จจากเลือกซื้อของกันเสร็จ เราก็เดินไปดูไปรษณีย์ว่าเปิดทำการไหม
วันเสาร์ปกติไปรษณีย์รัสเซียจะเปิดนะคะ แต่พิเศษสำหรับฤดูหนาวบนเกาะแห่งนี้
มันปิดอีกแล้ว -_-"
โปสการ์ดที่เราซื้อกันมาก็เลยต้องไปส่งกันที่อิร์คุสก์แทน ไม่เป็นไรใกล้ๆกัน
เราก็เลยกลับกันมากินมื้อเที่ยงที่บ้านป้าโอลก้าอีกครั้ง
มื้อนี้มีซุป มันฝรั่งคั่วน้ำมัน สลัดปลาหมึก และขนมหวาน
ลืมบอกไปว่าคนรัสเซียเนี่ยติดดื่มชามากกกกก
การดื่มชาเป็นวัฒนธรรมของคนรัสเซียเลยล่ะ
แล้วก็ทำให้ร่างกายอุ่นด้วย เราสี่คนก็ติดดื่มชาเหมือนคนรัสเซียกันไปเลย
กินกันเสร็จ เราก็นั่งพักให้ร่างกายอุ่นกันก่อนอีกนิด
พร้อมจะลุยทะเลสาบไบคาลแล้วก็แต่งตัวกันใหม่
ป้าโอลก้าแอบกำชับว่าอย่าลืมกลับมาซาวน่าตอน 6 โมงเย็นนะ
พวกเราก็รับปากป้าเสร็จสรรพ ก็เดินดุ่ยๆกันไปยังท่าเรือค่ะ
เรือยังแข็งเลย |
เราเดินลงจากตรงบริเวณท่าไปยังทะเลสาบค่ะ
ณ ตอนนั้นอุณหภูมิประมาณ -28 องศาเซลเซียส
ณ ตอนนั้นอุณหภูมิประมาณ -28 องศาเซลเซียส
สภาพแบบนี้ มือกับเท้ามักจะเป็นบริเวณแรกที่จะหนาวชาค่ะ
แต่เราก็ไม่หวั่นนะ มาถึงแล้วต้องเอาให้สุด
ยังคงลั้ลลากันอยู่ |
เดินถัดไปเรื่อยๆก็จะเท่ากับเราอยู่บนทะเลสาบไบคาล
ทะเลสาบที่เก่าแก่ที่สุดและลึกที่สุดในโลก
สวัสดีค่ะ |
ด้านหลังเป็นภูเขาสวยมากกก ขาวไปทั้งแถบเลย
วันนี้เราจะเข้าไปหามันกันเลย
เดินกันมาได้ประมาณเกินครึ่งชั่วโมงเราก็มากันได้เกือบครึ่งทาง
คือตอนนั้นรู้สึกว่าหนาวเท้า เท้าชาจริง แต่ต้องก้าวต่อไป
น้ำแข็งใสในทะเลสาบไบคาล |
เราเดินกันมาจนเกือบถึงหินชาแมน ก็พบสภาพตัวเองกลายเป็นคนแก่กันไปแล้ว
หัวขาวโพลนกันทุกคนเลย ตอนนั้นคือหนาวมาก
อากาศขึ้นไป -30 องศาเซลเซียสได้ แต่จากสภาพที่อยู่บนพื้นน้ำแข็งมาเป็นชั่วโมง
เราสี่คนจึงหนาวกันถ้วนหน้าเลย
เรามาถึงหินชาแมนระยะใกล้กันแล้วก็ตัดสินใจเดินกลับที่พัก
เพื่อไปให้ทันซาวน่ารัสเซียของป้าโอลก้า
อีกอย่างถ้าหนาวจนแข็งเดินไม่ไหว เราก็ไม่มีทางเลือก เพราะว่าต้องเดินกลับเท่านั้น
ก็เลยเดินกลับกันจากทะเลสาบขึ้นมาบนฝั่งเลย
ข้อดีของฤดูหนาวคือพอมันแข็งจนเป็นหิมะ ก็เหยียบได้หมด ไม่ต้องเดินอ้อมไปมา
พอมาถึงที่พัก เราก็ผิงไฟกันนิดหน่อย แล้วก็เปลี่ยนชุดเตรียมเข้าซาวน่ารัสเซียกันค่ะ
ซาวน่าที่นี่จะต้องมีกิ่งไม้เบิร์ชหรือเวนิก (Веник) ในการตีหรือนวดตัวกันด้วย
ไม่มีการถ่ายภาพไว้นะคะ ต้องขอเซนเซอร์นิดนึง
วิธีเพิ่มความร้อนก็คือต้องตักน้ำราดหินด้านซ้ายมือ แล้วละอองน้ำก็จะเต็มไปหมด
ร้อนประหนึ่งลงกะทะทองแดง 55555555
เราใช้เวลาในซาวน่ากันประมาณชั่วโมงนึงค่ะ
จากนั้นพอออกจากห้องมา ก็จะต้องอาบน้ำสระผมด้วยน้ำเย็นเฉียบแบบทันที
ยิ่งเย็นยิ่งดี เพราะคนรัสเซียว่ากันว่าเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
ผิวพรรณจะเปล่งปลั่ง จะได้สวยแบบสาวรัสเซียกัน
แล้วเราก็วิ่งเข้าบ้านในสภาพแบบนั้น ในขณะที่อุณหภูมิข้างนอก -30 องศาเซลเซียส
แต่สดชื่นมากกกกก
ตัวอย่างภาพซาวน่ารัสเซียค่ะ |
ป้าคงรู้ว่าเราเหนื่อยมากวันนี้ ป้าเลยจัดหนักจัดเต็มมากค่ะ
มีทั้งโฮมเมดพิซซ่า ปลาโอมูลอบราดซอสซาวครีมและมันฝรั่งอบ
ปลาโอมูล ปลาแห่งทะเลสาบไบคาล อร่อยมากกกกกกกกกก |
เราสี่คนนั่งเม้ามอยกันนิดหน่อยค่ะ แล้วก็แยกย้ายกันอาบน้ำเก็บของ
พรุ่งนี้ต้องออกจากเกาะกันแต่เช้า เพื่อเดินทางกลับไปอิร์คุสก์ให้ทันขึ้นรถไฟตอนเย็น
อ๋อ บนเกาะนี้เค้าต้องซื้อน้ำจืดกันนะ คือเราสี่คนอาบน้ำทุกวันแม้จะหนาวแค่ไหนก็ตาม
ปรากฏว่าเราใช้น้ำบ้านป้ากันหมดถังเลย แหะๆ ป้าก็เลยต้องสั่งน้ำมาส่ง
บ้านทุกบ้านบนเกาะจะมีช่องเปิดเหมือนตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน
ให้ต่อท่อเข้าไปยังถังเก็บน้ำของตัวเอง เก๋มากบอกเลย
พอเช้ามาเราก็ตื่นกันเช้านิดนึง ป้านาตาชาวันนี้มาทำกับข้าวให้เราแต่เช้า
จัดอาหารพื้นบ้านรัสเซียมาเต็มที่ นั่นก็คือ.....
กาช่า (ข้าวต้มนม) โยเกิร์ตปั่นกล้วย และแพนเค้กรัสเซียค่ะ
เรากินได้แต่แพนเค้กจริงๆ อย่างอื่นไม่สู้
คะแนนที่ให้อาหารป้าเต็มสิบ ติดลบไปหนึ่งเลย
มื้อนี้ไม่ถูกใจเราอย่างแรง 5555555
มองจากห้องครัวบ้านป้าโอลก้าก็จะเห็นวิวทะเลสาบไบคาลเหมือนกันนะ
พรุ่งนี้ต้องออกจากเกาะกันแต่เช้า เพื่อเดินทางกลับไปอิร์คุสก์ให้ทันขึ้นรถไฟตอนเย็น
อ๋อ บนเกาะนี้เค้าต้องซื้อน้ำจืดกันนะ คือเราสี่คนอาบน้ำทุกวันแม้จะหนาวแค่ไหนก็ตาม
ปรากฏว่าเราใช้น้ำบ้านป้ากันหมดถังเลย แหะๆ ป้าก็เลยต้องสั่งน้ำมาส่ง
บ้านทุกบ้านบนเกาะจะมีช่องเปิดเหมือนตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน
ให้ต่อท่อเข้าไปยังถังเก็บน้ำของตัวเอง เก๋มากบอกเลย
พอเช้ามาเราก็ตื่นกันเช้านิดนึง ป้านาตาชาวันนี้มาทำกับข้าวให้เราแต่เช้า
จัดอาหารพื้นบ้านรัสเซียมาเต็มที่ นั่นก็คือ.....
กาช่า (ข้าวต้มนม) โยเกิร์ตปั่นกล้วย และแพนเค้กรัสเซียค่ะ
เรากินได้แต่แพนเค้กจริงๆ อย่างอื่นไม่สู้
คะแนนที่ให้อาหารป้าเต็มสิบ ติดลบไปหนึ่งเลย
มื้อนี้ไม่ถูกใจเราอย่างแรง 5555555
มื้อเช้า - มื้อสุดท้ายบนเกาะ |
วิวทะเลสาบไบคาล |
ประมาณ 11 โมงรถก็มารับพวกเราออกจากเกาะค่ะ
เราขอที่อยู่ป้ากันไว้ เผื่อเขียนโปสการ์ดมาหาป้าบ้าง
เส้นทางขากลับก็เหมือนกับขามาค่ะ คือนั่งรถตู้เหล็กๆกลับไปขึ้นฝั่ง
แล้วต่อด้วยรถตู้โดยสารประจำทางไปอีก 5 ชั่วโมง
วิวตอนรถวิ่งอยู่บนทะเลสาบไบคาล |
วิวข้างทางหลังขึ้นฝั่งมาแล้วค่ะ |
พอเรามาถึงเมืองอิร์คุสก์ ลงจากรถตู้กันเรียบร้อย ร่ำลาคุณลุงเสร็จ
ก็ถึงเวลาสรรหาเสบียงในการเดินทางค่ะ
รถไฟเที่ยวนี้จะเป็นเที่ยวที่ยาวนานที่สุดของเรา
แต่อนิจจา.. หน้าสถานีรถไฟไม่มีซุปเปอร์ใหญ่ๆให้เราซื้อของกินได้เลย
นอกจากมาม่า ขนมปังและเครื่องดื่ม
ร้านอาหารที่มีก็ไม่ค่อยจะเวิร์คสักเท่าไร
เรานั่งรอกันอยู่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงได้
ก็ได้เวลาขึ้นรถไฟไปเมืองออมสก์ เมืองสุดท้ายของทริปเราค่ะ
ปิดท้ายด้วยภาพนี้ พี่มี่แอบถ่ายไว้ น่ารักสุดๆเลย |
......