ตามเส้นทางสายทรานส์ไซบีเรียแล้วจากเมืองโนโวซิบิสค์ไปอิรคุสก์
ต้องผ่านเมืองใหญ่ๆอย่างคราสนายาร์สค์ (Красноярск)
ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่อีกเมืองนึงของรัสเซียฝั่งตะวันออกด้วย
แล้วก็ยังผ่านบ้านของคนรัสเซียที่อาศัยอยู่แถบนี้ด้วย
ต้องผ่านเมืองใหญ่ๆอย่างคราสนายาร์สค์ (Красноярск)
ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่อีกเมืองนึงของรัสเซียฝั่งตะวันออกด้วย
สถานีรถไฟตอนตะวันจะตกดินแล้ว |
เหมือนที่เคยเรียนสมัยมหาลัยตามที่อาจารย์บอกเลย
เป็นบ้านไม้ซุุง มีปล่องไฟไว้ผิงแบบบ้านในจินตนาการตอนเด็กๆ
แถบนี้จะมีอาณาบริเวณบ้านด้วย ซี่งปกติแล้วคนรัสเซียเค้าไม่ค่อยอยู่บ้านกันหรอก
ในเมืองใหญ่ๆจะอยู่กันเป็นอพารท์เมนต์มากกว่า
น่าจะเพราะระบบสาธารณูปโภคเข้าถึงง่ายกว่า และก็อุ่นกว่าด้วยอ่ะ
เป็นบ้านไม้ซุุง มีปล่องไฟไว้ผิงแบบบ้านในจินตนาการตอนเด็กๆ
แถบนี้จะมีอาณาบริเวณบ้านด้วย ซี่งปกติแล้วคนรัสเซียเค้าไม่ค่อยอยู่บ้านกันหรอก
ในเมืองใหญ่ๆจะอยู่กันเป็นอพารท์เมนต์มากกว่า
น่าจะเพราะระบบสาธารณูปโภคเข้าถึงง่ายกว่า และก็อุ่นกว่าด้วยอ่ะ
เราเดินทางกันมาจนถึงเมืองอิร์คุสก์ ปารีสแห่งตะวันออกกันตอนเช้าตรู่
6.45 น.โดยประมาณ (อาจผิดเพี้ยนไปบ้าง เพราะผ่านมาจะปีละ)
แน่นอนว่าฟ้ายังไม่เปิด มืดตื้ดตื๋อเลยล่ะ
สถานีรถไฟที่อิร์คุสก์ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะ ณ ตอนนั้น cr: http://pribaikal.ru/ifo-photo/article/9454.html |
หนาวมากกกกก ณ ขณะนั้นอุณหภูมิอยู่ที่ -30 องศา
คือออกจากสถานีมา ต้องไปโฮสเทลกันก่อนเลย
เราพักกันที่โฮสเทลชื่อ โด-บรึย-คอท (แปลว่า แมวใจดี) Добрый Кот
เป็นโฮสเทลที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟนัก เพราะเราพักกันแค่คืนเดียว
และเพราะเรามาถึงช่วงเช้าแบบนี้ จะเข้าไปใจกลางเมืองที่อยู่อีกฝั่งนึงของแม่น้ำก็ลำบาก
สภาพตอนนั้นหลังเดินทางมากว่า 30 ชั่วโมง ทุกคนอยากอาบน้ำ นอนพัก ชาร์จแบต
เราใช้แบตที่เหลือสุดท้ายในการหาที่พัก แล้วเดินลุยดุ่ยๆกันไป
จนกระทั่งมาถึงที่พักประมาณเกือบ 7 โมงครึ่ง
ปกติเค้าให้เข้าที่พักกันตอนเที่ยง แต่อันนี้ทนหนาวไม่ไหวจริงๆ
คือที่โฮสเทลหน้าตาจะเป็นเหมือนตึกพาณิชย์บ้านเราแต่สภาพดีกว่านะ
เราก็เลยกดกริ่งเรียกพนักงานต้อนรับ นางก็ตื่นมาเปิดด้วยสภาพฝืนยิ้ม
แล้วความด้วยใจดีหรือเพราะนางง่วงก็ไม่รู้ เราก็เลยได้เข้าพักเลย :)
อาบน้ำ นอนกลิ้งๆกันได้แปปนึง ประมาณ 9 โมงเราก็ออกจากโฮสเทลค่ะ
อย่าค่ะ อย่าคิดว่าฟ้าสว่างสดใสรับไออุ่น
มืดตื๋อเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือรถยนต์ค่ะ รถติดมากกกกกก
อยากจะถ่ายรูปมานะ แต่หนาวมากเพราะตอนนั้น -32 องศาเซลเซียสค่ะ
แต่ถ้าไม่เที่ยววันนี้ ก็จะไม่ได้เที่ยวแล้วนะคะ
ว่าแล้วก็นั่งรถเมล์ข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำกัน ค่ารถ 12 บาท (ถูกแฮะ)
ที่แปลกคือปกติคนรัสเซียเค้าขับรถกันฝั่งซ้าย ไทยฝั่งขวา
แต่ที่นี่ส่วนใหญ่ขับฝั่งขวาเหมือนไทย เพราะรถส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น
ที่แปลกคือปกติคนรัสเซียเค้าขับรถกันฝั่งซ้าย ไทยฝั่งขวา
แต่ที่นี่ส่วนใหญ่ขับฝั่งขวาเหมือนไทย เพราะรถส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น
พอข้ามฝั่งไปได้สองป้าย เราก็ลงกัน แถบๆใจกลางเมืองเลย
ฟ้าเริ่มสางแล้ว ทำให้เราได้พบว่า คนรัสเซียที่นี่ หน้าเหมือนเรา!!!
คือหน้าตาแต่ละคนเอเชียมากกก จีนมากก
จนเราสี่คนกลายเป็นคนท้องถิ่นในบัดดล
ท้องถิ่นขนาดที่คนรัสเซียที่หน้าตาฝรั๊งฝรั่งเดินมาถามทางกับเรา
ซึ่งเราก็งงๆเอ๋อๆตอบไม่ได้ค่าาา หนูก็เป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันค่าาาา
กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด เราสี่คนก็จะต้องกินฉันนั้น
ร้านอาหารที่เราหากันมาได้ เป็นร้านอาหารรัสเซียแบบดั้งเดิมค่ะ
ชื่อร้าน"รุส Русь" ค่ะ เป็นร้านอาหารของโรงแรมรุสเองเลย
ที่แถบทะเลสาบไบคาลนี้ มีปลาชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อมาก
ค้นพบแค่ที่นี่ที่เดียวในโลกเท่านั้น
นั่นก็คือ "ปลาโอมูล"ค่ะ
เราก็เลยตัดสินใจกินอาหารรัสเซียกันนะมื้อนี้ ต้อนรับปลาโอมูลสวยๆ
บรรยากาศตอนเช้าตรู่ |
ปลาโอมูล ยินดีที่ได้รู้จัก |
ปลาโอมูลที่เลื่องลือรสชาติใช้ได้เลย จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นกันต่อ
จริงๆเมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวของรัสเซียเมืองหนึ่งเลย
เพราะป้ายบอกทางนางมีเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วย (นานๆๆจะเจอภาษาอังกฤษที)
ผังการเดินทางท่องเที่ยว |
ระหว่างทางเดินก็จะเห็นซุ้มขายของ (Киоск) ต่างๆ
แต่ชอบซุ้มนี้ น่ารักดี หนาวขนาดนี้กินไอติมก็อร่อยดีนะ
แต่ต้องเป็นไอติมนมๆ ไม่ใช่เชอร์เบทหรือฉ่ำๆนะ
ซุ้มขายไอศครีม |
เดินมาเรื่อยๆตามถนนเลนิน (Улица Ленина) ถนนหลักอีกสายของเมืองนี้
แน่นอนว่าเมื่อชื่อถนนเลนิน ก็ต้องมีเลนินให้คุณดู
และเมื่อเดินผ่านท่านเลนินไปนิดนึง ฝั่งขวามือจะเป็นร้านขายของที่ระลึก
เราก็แวะซื้อของกับโปสการ์ดกันมาเก็บไว้ก่อนเลย
แน่นอนว่าเมื่อชื่อถนนเลนิน ก็ต้องมีเลนินให้คุณดู
และเมื่อเดินผ่านท่านเลนินไปนิดนึง ฝั่งขวามือจะเป็นร้านขายของที่ระลึก
เราก็แวะซื้อของกับโปสการ์ดกันมาเก็บไว้ก่อนเลย
"สวัสดี สหาย" เลนินไม่ได้กล่าวไว้ |
ตึกสวยแบบไม่โซเวียต |
ตึกมหาวิทยาลัยไบคาล |
เราเดินชมเมืองกันไปเรื่อยๆ ความหนาวเริ่มน้อยลง
เพราะอุณหภูมิเพิ่มขึ้น หรือเราเหนื่อยขึ้นก็ไม่รู้
ที่รัสเซียเนี่ย แต่ละเมืองจะมีตราสัญลักษณ์ของเขตเมืองและอาณา
ที่นี่เป็นเหมือนเสือไซบีเรียคาบสัตว์อยู่ในปาก
เป็นอนุสาวรีย์ตั้งอยู่โดดเด่นก่อนขึ้นสะพานข้ามไปอีกฝั่งของเมือง
ปกติแล้วเวลาเที่ยวรัสเซีย เราก็จะชมจุดหลักๆของเมืองเค้าและก็โบสถ์
เพราะอุณหภูมิเพิ่มขึ้น หรือเราเหนื่อยขึ้นก็ไม่รู้
ที่รัสเซียเนี่ย แต่ละเมืองจะมีตราสัญลักษณ์ของเขตเมืองและอาณา
ที่นี่เป็นเหมือนเสือไซบีเรียคาบสัตว์อยู่ในปาก
เป็นอนุสาวรีย์ตั้งอยู่โดดเด่นก่อนขึ้นสะพานข้ามไปอีกฝั่งของเมือง
สัญลักษณ์เมืองอิร์คุสก์ |
โบสถ์รัสเซียแตกต่างจากที่อื่น ตรงที่เป็นนิกายออร์ธอด็อกซ์
ที่รับมาจากคอนสแตนติโนเปิ้ลตั้งแต่สมัยก่อน
แถมโบสถ์ที่สร้างแต่ละยุคก็แตกต่างกันด้วยนะ
อารมณ์เหมือนการสร้างเจดีย์หรือพระพุทธรูปบ้านเรานั่นเอง
โบสถ์แรกของเราคือที่นี่ค่ะ ชื่อว่า Крестовоздвиженская церковь
ชื่อยาวแบบนี้ขอไม่แปลนะ 55555 สวยงามและอบอุ่นมากกกก
เพราะว่าอยู่ข้างนอกมันหนาวนั่นเอง
เราสี่คนก็ถ่ายรูปและเข้าไปข้างในพอเป็นพิธี
ชื่อยาวแบบนี้ขอไม่แปลนะ 55555 สวยงามและอบอุ่นมากกกก
เพราะว่าอยู่ข้างนอกมันหนาวนั่นเอง
เราสี่คนก็ถ่ายรูปและเข้าไปข้างในพอเป็นพิธี
Крестовоздвиженская церковь |
ต่อจากโบสถ์นี้เราก็ยังไปโบสถ์กันต่อ โบสถ์นี้ขึ้นชื่อมากกกก
ในเรื่องสถาปัตยกรรม เพราะสีสันสดใส เหมือนอยู่ในเทพนิยาย
แต่อยู่ออกจากใจกลางเมืองไปอีก เราสี่คนก็เปิดแอพหาเส้นทางกันเลย
แต่ แต่ แต่ด้วยสภาพอากาศหนาวๆแบบนี้ แบตไอโฟนลดฮวบ ฮวบ
ของเรากับพี่มี่เหลือแค่ไม่ถึง 20% แต่ก็ยังหาต่อไป
เรานั่งรถตู้ตามเส้นทางที่หาได้ ไปลงป้ายสุดท้าย แล้วเดินทะลุตลาดสดไป
จะเจอโบสถ์สีสันสดใสมากกกก
ชื่อว่า Градо-Иркутская церковь во имя Казанской иконы Божьей матери
ข้างหน้าโบสถ์ในหน้านี้มีน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปไอคอนด้วย
เก๋มากกกกกก
น้ำแข็งแกะสลัก |
ภายในโบสถ์ก็จะตกแต่งแบบโบสถ์ทั่วไปในรัสเซีย
คือมีไอคอนโนตาซิส (Iconostasis) อยู่ เป็นชั้นๆ
ปกติแล้วในโบสถ์ของรัสเซียนี่จะวาดจนแทบไม่มีที่ว่างเลย แต่ถ้าเป็นของไบแซนไทน์จะวาดเฉพาะแนวเสา เพราะว่ามันเป็นในส่วนที่เป็นที่ค้ำยันอาคารรูปโดมเอาไว้ ภาพที่วาดก็จะวาดตามพระคัมภีร์นั่นแหละ
ไอคอนโนตาซิสสสส |
จากโบสถ์นี้เราก็นั่งรถกลับมาในเมืองต่อไป ได้เวลากลับไปดูแถบริมแม่น้ำอังการ่า
เราก็จะเจอสถานที่ทำการของรัฐ แล้วก็บริเวณที่จุดไฟไว้อาลัยให้กับทหารที่ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งที่นี่เค้าเรียกกันว่า สงครามปกป้องมาตุภูมิ (นับเฉพาะในรัสเซียเท่านั้น)
และก็ยังเดินไปยังโบสถ์ต่างๆที่อยู่แถบนี้ด้วย สวยงามมมม
สถานที่ทำการของรัฐ |
โบสถ์คริสต์ นิกายโปรแตสแตนท์ค่ะ |
โบสถ์ Собор Богоявления สีสันสดใส เห็นไอคอนเด่นๆอยู่ข้างนอก |
แบบระยะใกล้ๆ |
ฝั่งตรงข้ามก็เป็นโบสถ์เช่นกัน โบสถ์นี้ชื่อว่า Троицкая церковь
โบสถ์ Троицкая церковь |
เมื่อเดินผ่านทั้งสามโบสถ์เหล่านี้แล้ว ก็จะไปเจอกับอนุสาวรีย์ผู้ก่อตั้งเมือง
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอังการ่าเลย แม่น้ำนี้ก็ไม่ถูกทิ้งให้แข็งเป็นน้ำแข็งเช่นกัน
เพราะเป็นเส้นทางการคมนาคมสำคัญของแถบนี้ด้วย
ผู้สร้างเมืองอิร์คุสก์ ปารีสแห่งตะวันออก นายยาคอฟ อิวานโนวิช โปฮาบาฟ (Яков Иванович Похабов) เมืองนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1661 ค่ะ |
ริมแม่น้ำอังการ่า เห็นอีกฝั่งของแม่น้ำเลย |
ท่าเรือ |
เราสี่คนเดินเล่นริมแม่น้ำ ตากลมกันเบาๆ (หรอออ)
จนกระทั่งท้องเริ่มร้อง แบตโทรศัพท์เริ่มหมด
ตอนนั้นคือไม่มีหรอกนะ ที่ชาร์จสำรงสำรอง ก็เลยไปแวะไปที่ร้านกาแฟชื่อดังของเมือง
ชื่อร้าน Lenin Str. Coffee ซึ่งก็ตั้งอยู่บนถนนเลนินนั่นเอง
หน้าตาก็คล้ายๆ Starbucks แหละ รสชาติใช้ได้ ราคาไม่แพง
และพนักงานน่ารักมากกกกก
ไปแอบเขียนโน้ตแปะไว้ด้วย เรานั่งหาขนมและกาแฟกินกัน
พร้อมชาร์จแบตไอโฟนไปด้วย เพราะต้องใช้ในการเดินทางกลับข้ามฝั่ง
เราก็เลยนั่งเขียนโปสการ์ดไปด้วยเลย :)
ร้านกาแฟท่านเลนินชื่อดัง |
เอกเพรสโซ่กับโดนัทชอคโกแลต |
เสร็จจากร้านกาแฟแล้ว เราก็เดินไปหาไปรษณีย์กันเพื่อจะส่งโปสการ์ด
ก็เดินดุ่ยๆไปส่งโปสการ์ดกัน ราคาเท่ากัน และถึงด้วย อิอิ
หลังจากส่งจดหมายกันเสร็จ ก็ไปหาอะไรกินกัน
คือไม่ได้หิวมาก แต่กำลังจะกลับโฮสเทลแล้วเลยต้องตุนเสบียงลงท้องไว้ก่อน
ร้านที่เราจะไปกินกันก็คือร้านพิซซ่าชื่อดัง
ร้านป๊าป๋าจอห์นส์ «Папа Джонс» ซึ่งมีหลายสาขามากในรัสเซีย
ราคาไม่แพงด้วย เราสี่คนกินกันพิซซ่าหนึ่งถาด ไก่ทอดจานนึง น้ำ
เสียกันไปคนละ 200 กว่าบาทเอง ถือว่าคุ้มมากกกกก
หลังจากกินเสร็จ เราก็นั่งรถเมล์กลับข้ามฝั่งไปยังโฮสเทล
ก็เดินดุ่ยๆไปส่งโปสการ์ดกัน ราคาเท่ากัน และถึงด้วย อิอิ
หลังจากส่งจดหมายกันเสร็จ ก็ไปหาอะไรกินกัน
ตึกระหว่างทาง |
ร้านที่เราจะไปกินกันก็คือร้านพิซซ่าชื่อดัง
ร้านป๊าป๋าจอห์นส์ «Папа Джонс» ซึ่งมีหลายสาขามากในรัสเซีย
ราคาไม่แพงด้วย เราสี่คนกินกันพิซซ่าหนึ่งถาด ไก่ทอดจานนึง น้ำ
เสียกันไปคนละ 200 กว่าบาทเอง ถือว่าคุ้มมากกกกก
นั่งพัก เล่นเน็ต อาบน้ำ เก็บข้าวของ พักผ่อน
เพราะพรุ่งนี้เช้า รถที่เราติดต่อเอาไว้จะพาเราไปยังเกาะโอคอนแห่งทะเลสาบไบคาล
ปกติแล้วคนที่มาเที่ยวทะเลสาบไบคาลจะไปแค่เมืองใกล้ๆริมทะเลสาบ เหมือนไปเที่ยวทะเลบ้านเรา ไปเอาบรรยากาศ กินปลาโอมูลเผาอะไรแบบนี้ ตอนแรกเราเลือกจะไปนั่งรถไฟที่พาเที่ยวแถบนั้น แต่ก็ไม่มีให้บริการ เพราะอากาศหนาวเกินไป เราเลยเลือกไปเกาะกัน โดยติดต่อบริษัทที่พาเที่ยวพวกรถไฟ หรือพวกลากเลื่อน ลุยกีฬาตอนแรกนั่นแหละ
แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟงต่อนะคะ ว่าการไปเที่ยวเกาะ 4 วัน 3 คืน
รวมการเดินทางไป-กลับ จะเป็นอย่างไรต่อไป
รวมการเดินทางไป-กลับ จะเป็นอย่างไรต่อไป
......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น